คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1012/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสอง จำเลยต้องให้การโดยชัดแจ้งรวมทั้งเหตุแห่งการนั้นด้วยข้อที่โจทก์กล่าวหาข้อใด จำเลยไม่ปฏิเสธโดยชัดแจ้ง ถือว่าจำเลยให้การรับ (อ้างฎีกาที่ 218/2488)
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยผิดสัญญาเพราะไม่ยอมรับฟืนที่โจทก์ส่งแล้วโดยถูกต้อง จำเลยที่ 1,2 ให้การลอยๆ ว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาหาได้กล่าวไม่ว่า โจทก์ผิดสัญญาด้วยประการใดจึงไม่เป็นการให้การโดยชัดแจ้ง และไม่ได้แสดงเหตุแห่งการนั้นตามมาตรา 177 ส่วนคำให้การของจำเลยที่ 3 เป็นแต่เพียงจำเลยที่ 3 เข้าใจ จำเลยที่ 3 ไม่ได้ต่อสู้โดยชัดแจ้งว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาจึงต้องถือว่าจำเลยทั้ง 3 ไม่ได้เถียงและประเด็นว่า โจทก์ผิดสัญญาหรือไม่ จึงไม่เกิดขึ้น ต้องฟังว่าโจทก์ส่งคืนถูกต้องตามสัญญาแล้วอนึ่งการที่จำเลยที่ 3 ปฏิเสธสัญญาโดยอ้างการตรวจของคณะกรรมการ ซึ่งโจทก์อ้างว่าเป็นการไม่ชอบนี้ หากจำเลยจะโต้เถียงคำของโจทก์ว่าการตรวจและความเห็นของคณะกรรมการชอบแล้วจำเลยก็มีหน้าที่ตามมาตรา 177 ที่จะต้องกล่าวโดยชัดแจ้ง และแสดงเหตุดังได้กล่าวแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 3 เพื่อประโยชน์และโดยคำสั่งของจำเลยที่ 1 และ 2 ได้ทำสัญญารับซื้อฟืนไม้เบ็ญจพรรณจากโจทก์ที่ 2 ในนามผู้จัดการร้านของโจทก์ที่ 1 โดยโจทก์ให้เงิน 5,000 บาท เป็นประกัน จำเลยที่ 3 ผิดสัญญาไม่ยอมรับฟืนและกลับบอกเลิกสัญญาโดยอ้างว่า กรรมการตรวจเห็นไม่ถูกต้องตามสัญญา ซึ่งความจริงฟืนนี้โจทก์นำส่งถูกต้องตามสัญญาทุกประการ จึงขอให้ศาลบังคับจำเลยใช้ค่าเสียหายและคืนเงินประกัน จำเลยที่ 1, 2 ปฏิเสธความรับผิดและว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาเอง จำเลยไม่ต้องรับผิด จำเลยที่ 3 ให้การว่า คณะกรรมการเจ้าหน้าที่ตรวจรับฟืนรายงานว่าฟืนของโจทก์ที่ส่งโดยไม่ถูกต้องตามสัญญา และตัวอย่าง ทั้งโจทก์ยังจะขอตวงฟืนให้ผิดไปจากวิธีตวงตามปกติประเพณีการซื้อขายฟืน อาศัยอำนาจตามสัญญาซื้อขาย ข้อ 3 จำเลยจึงสั่งเลิกสัญญาจำเลยชอบที่จะริบเงินมัดจำเพื่อชดใช้ความเสียหายได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 378(2)ศาลชั้นต้นเห็นว่า โจทก์ส่งฟืนถูกต้องตามสัญญาเมื่อจำเลยบอกเลิกสัญญา จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา พิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายและคืนเงินประกันให้แก่โจทก์ ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยไม่ผิดสัญญา พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรค 2 จำเลยจะต้องให้การโดยชัดแจ้งรวมทั้งแสดงเหตุแห่งการห้ามด้วย ข้อที่โจทก์กล่าวหาข้อใดจำเลยไม่ปฏิเสธโดยชัดแจ้งต้องถือว่าจำเลยให้การรับ คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญา เพราะไม่ยอมรับฟืนที่โจทก์ส่งโดยถูกต้อง จำเลยที่ 1 และที่ 2 ไม่ได้ปฏิเสธความข้อนี้ เป็นแต่ให้การลอย ๆ ว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาจึงไม่เป็นการให้การโดยชัดแจ้ง และไม่ได้แสดงเหตุแห่งการนั้นตามมาตรา 177 ส่วนจำเลยที่ 3 ให้การรวมความได้ว่า จำเลยที่ 3 เป็นแต่เพียงเข้าใจ จำเลยที่ 3 ไม่ได้ต่อสู้โดยชัดแจ้งว่า โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา จึงต้องถือว่าจำเลยที่ 3 ไม่เถียง และประเด็นว่าโจทก์ผิดสัญญาหรือไม่ จึงไม่เกิดขึ้น ต้องฟังว่าโจทก์ได้ส่งฟืนถูกต้องตามสัญญาแล้ว การที่จำเลยที่ 3 ปฏิเสธสัญญาโดยอ้างการตรวจของคณะกรรมการ ซึ่งตามสัญญาจำเลยเป็นผู้ตั้งเจ้าหน้าที่ตรวจรับฟืนและซึ่งโจทก์อ้างว่าการตรวจของคณะกรรมการเป็นการไม่ชอบนี้จึงเป็นความสำคัญ หากจำเลยจะโต้เถียงคำของโจทก์ว่าการตรวจและความเห็นของคณะกรรมการชอบแล้ว จำเลยก็มีหน้าที่ตามมาตรา 177 ที่จะต้องกล่าวโดยชัดแจ้ง และแสดงเหตุดังได้กล่าวแล้ว
ศาลฎีกาไม่เห็นด้วยกับการที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยในข้อที่ผิดสัญญา และชี้ขาดว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา แต่ศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยประเด็นอื่น พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่

Share