คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1806/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้สัญญาเช่าจะมีข้อความชัดเจนว่า เช่าเพื่อประกอบการค้าแต่อย่างเดียวไม่ใช่เป็นที่อยู่อาศัย เมื่อผู้เช่าต่อสู้ว่าเช่าเพื่ออยู่อาศัยมิได้ประกอบการค้าและเช่ามานานแล้ว ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ ดังนี้ผู้เช่าย่อมนำสืบตามข้อต่อสู้นี้ได้, เพราะศาลจำต้องพิเคราะห์ถึงเจตนาอันแท้จริงของคู่กรณีและความจริงที่ที่ผู้เช่าปฏิบัติประกอบด้วย
จำเลยเช่าตึกแถวอยู่อาศัยหาได้ทำการค้าไม่ เมื่อหมดอายุสัญญาเดิม โจทก์ทำสัญญาเช่าใหม่เติมข้อความว่าเช่าเพื่อประกอบการค้าแต่อย่างเดียวไม่ใช่เป็นที่อยู่อาศัยโดยอ้างว่าเป็น ธรรมเนียมของโจทก์ที่จะกรอกข้อความเช่นนี้ทุกราย,เมื่อจำเลยเซ็นแล้ว ก็คงใช้ตึกห้องที่เช่านี้อยู่อาศัยเช่นเดิมหาได้ใช้ทำการค้าไม่ดังนี้เห็นได้ว่าการเติมข้อความนั้นลงก็เพื่อเลี่ยง กฎหมายเท่านั้นจึงต้องบังคับตามความจริง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเช่าตึกแถวของโจทก์เพื่อใช้ประโยชน์เฉพาะแต่เป็นที่ประกอบการค้าอย่างเดียวไม่ใช้เป็นที่อยู่อาศัย มีกำหนด ๑ ปี ครบกำหนดเช่าโจทก์บอกเลิกสัญญาเช่าแล้ว จำเลยไม่ยอมออกจึงขอให้ขับไล่
จำเลยต่อสู้ว่าเช่าเพื่ออยู่อาศัย ไม่ได้ประกอบการค้า
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยเช่าเพื่ออยู่อาศัยได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ. ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ พิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า แม้สัญญาเช่าจะมีข้อความว่าเช่าเพื่อประกอบการค้าแต่อย่างเดียวไม่ใช้เป็นที่อยู่อาศัย ศาลก็จะต้องพิเคราะห์ถึงเจตนาอันแท้จริงของคู่กรณี และความจริงที่ผู้เช่าปฏิบัติประกอบด้วย ในเรื่องนี้ข้อเท็จจริงปรากฎว่าจำเลยได้เช่าตึกห้องนี้เป็นที่อยู่อาศัยมานานแล้ว ก่อนสัญญาฉะบับพิพาทนี้โดยจำเลยมีอาชีพทางรับจ้างเป็นเสมียนหาได้ทำการค้าไม่ เมื่อหมดอายุสัญญาเดิมโจทก์ได้ทำสัญญาใหม่ฉะบับพิพาท โดยเติมข้อความที่ว่าเช่าเพื่อประกอบการค้าแต่อย่างเดียวนี้ลงไป โดยอ้างว่าเป็นธรรมเนียมของโจทก์ที่จะกรอกข้อความเช่นนี้ทุกราย เมื่อจำเลยเซ็นชื่อแล้วก็คงใช้ตึกห้องที่เช่าอยู่อาศัยเช่นเดิม หาได้ใช้ทำการค้าไม่รูปคดีแสดงให้เห็นว่า การเติมข้อความนั้นลงก็เพื่อเลี่ยง ก.ม. เท่านั้น จึงต้องบังคับตามความจริง
จึงพิพากษายืน

Share