แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เดิมจำเลยจ่ายค่าพาหนะให้โจทก์เมื่อไปปฏิบัติงานนอกสถานที่เป็นรายครั้งตามค่าใช้จ่ายที่โจทก์เบิกจ่าย ต่อมาจำเลยมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงโดยให้โจทก์รับค่าพาหนะเป็นการเหมาจ่ายรายเดือน ตามคำสั่งดังกล่าวระบุว่าการอนุมัติค่าพาหนะให้แก่โจทก์ให้ถือว่าเป็นการให้เฉพาะตำแหน่งที่ดำรงอยู่ในขณะนั้นเท่านั้น หากมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งและลักษณะงานที่ไม่จำเป็นจะต้องได้รับค่าพาหนะ จำเลยมีสิทธิยกเลิกเงินได้ค่าพาหนะนั้น แปลความได้ว่าจำเลยตกลงให้ค่าพาหนะแก่โจทก์ต่อมาเมื่อโจทก์มีตำแหน่งและลักษณะงานที่ต้องเดินทาง มิได้ให้ค่าพาหนะเป็นการถาวรตลอดไปมีการเปลี่ยนแปลงได้ กรณีจึงเป็นการที่นายจ้างให้เงินเพิ่มแก่ลูกจ้างเป็นครั้งคราวตามลักษณะการทำงาน มิได้ให้เพื่อตอบแทนการทำงานโดยตรงไม่ถือเป็นค่าจ้าง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยมีคำสั่งให้ค่าพาหนะเป็นเงินเดือนค่าจ้างและให้จำเลยจ่ายเงินรางวัลประจำปีงบประมาณ 2547/2548 โดยคิดคำนวณค่าพาหนะของโจทก์ที่ได้รับเป็นเงินเดือนค่าจ้าง เดือนละ 2,000 บาท รวมคำนวณไปในการจ่ายเงินรางวัลประจำปีงบประมาณ 2547/2548 ในอัตรา 2.25 เท่าของเงินเดือนค่าจ้างที่ค้างชำระต่อโจทก์ และให้นำเงินค่าพาหนะสมทบเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพตามข้อตกลงกับจ่ายค่าจ้างค้าง จำนวน 4,500 บาท และค่าเสียหายจำนวน 100,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า มีปัญหาเงินช่วยเหลือค่าพาหนะที่จำเลยจ่ายให้โจทก์ เดือนละ 2,000 บาท เป็นค่าจ้างหรือไม่ เห็นว่า เดิมจำเลยจ่ายค่าพาหนะให้โจทก์เมื่อไปปฏิบัติงานนอกสถานที่เป็นรายครั้งตามค่าใช้จ่ายที่โจทก์เบิกจ่าย ต่อมาจำเลยเปลี่ยนแปลงโดยให้โจทก์รับค่าพาหนะเป็นการเหมาจ่ายรายเดือน เดือนละ 2,000 บาท ตามคำสั่งที่ 12/2527 คำสั่งนี้ระบุว่า การอนุมัติค่าพาหนะให้แก่โจทก์ให้ถือว่าเป็นการให้เฉพาะตำแหน่งที่ดำรงอยู่ในขณะนั้นเท่านั้น หากมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งและลักษณะงานที่ไม่จำเป็นจะต้องได้รับค่าพาหนะ จำเลยมีสิทธิยกเลิกเงินได้ค่าพาหนะนั้น แปลความได้ว่าจำเลยตกลงให้ค่าพาหนะแก่โจทก์ ต่อเมื่อโจทก์มีตำแหน่งและลักษณะงานที่ต้องเดินทาง มิได้ให้ค่าพาหนะเป็นการถาวรตลอดไปมีการเปลี่ยนแปลงได้ กรณีจึงเป็นการที่นายจ้างให้เงินเพิ่มแก่ลูกจ้างเป็นครั้งคราวตามลักษณะการทำงาน มิได้ให้เพื่อตอบแทนการทำงานโดยตรง ไม่ถือเป็นค่าจ้างตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างและข้อตกลงการจ่ายเงินรางวัลประจำปี จำเลยจึงไม่ต้องจ่ายเงินรางวัลประจำปีงบประมาณ 2547/2548 และไม่ต้องส่งเงินสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้แก่โจทก์ โดยนำค่าพาหนะไปรวมเป็นเงินเดือนตามที่โจทก์อุทธรณ์แต่อย่างใด ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน