คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1387/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การโอนทรัพย์สินซึ่งลูกหนี้ได้กระทำในระหว่างระยะเวลาสามปีก่อนมีการขอให้ล้มละลาย ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 114 นั้นเป็นหน้าที่ของผู้รับโอนจะต้องนำสืบแสดงให้เป็นที่พอใจศาลว่าการโอนนั้นได้กระทำโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน
ความรับผิดชั้นที่สุดสำหรับค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความในคดีย่อมตกแก่คู่ความฝ่ายที่แพ้คดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 161 ต้องเป็นค่าฤชาธรรมเนียมรวมทั้งค่าทนายความที่คู่ความฝ่ายชนะคดีได้เสียไปจริง ๆ ในการดำเนินคดี การที่ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเข้าว่าความด้วยตนเองโดยมิได้แต่งทนายความให้ว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาแทน ผู้ร้องก็ไม่ต้องเสียค่าจ้างทนายความแต่อย่างใด จึงไม่มีเหตุที่จะให้ผู้คัดค้านต้องชดใช้ค่าทนายความแทนผู้ร้อง
เมื่อศาลพิพากษาให้เพิกถอนการโอนที่ดินตาม พ.ร.บ.ล้มละลายพ.ศ.2483 มาตรา 114 แล้ว มีผลให้จำเลยผู้โอนและผู้รับโอนผู้คัดค้านกลับคืนสู่ฐานะเดิม ผู้คัดค้านต้องโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แก่จำเลย แต่เนื่องจากผู้คัดค้านไม่อาจคืนที่ดินให้แก่จำเลยได้ เพราะผู้คัดค้านได้ขายให้แก่บุคคลภายนอกไปแล้ว ผู้คัดค้านก็ต้องคืนเงินให้แก่จำเลยโดยเต็มจำนวนตามราคาที่ดินเพราะเป็นกรณีที่ผู้คัดค้านรับโอนที่ดินไว้โดยไม่สุจริต อันฝ่าฝืนต่อบทกฎหมายดังกล่าว

Share