คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2842/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ตามฟ้องจึงเป็นเรื่องจำเลยทั้งสองเป็นตัวการร่วมกระทำความผิด แต่ปรากฎว่าที่จำเลยที่ 2 นำเฮโรอีนมาส่งมอบให้จำเลยที่ 1 เป็นการส่งมอบเฮโรอีนระหว่างผู้กระทำผิดด้วยกันเองซึ่งไม่ถือว่าเป็นการจำหน่าย เพราะการจำหน่ายหมายถึงการจำหน่ายให้แก่บุคคลภายนอกที่มิใช่ผู้ร่วมกระทำผิดด้วยกัน เมื่อไม่มีข้อบ่งชี้ใดว่าจำเลยที่ 2 มีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายแม้จำเลยที่ 2 จะรับสารภาพก็ลงโทษฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 15, 66, 102ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ริบของกลางที่เหลือจากการตรวจพิสูจน์
จำเลยที่ 1 ให้การรับว่ามีเฮโรอีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อเสพ แต่ปฎิเสธว่าไม่ได้มีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายส่วนจำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7,15 วรรคแรก, 67 จำเลยที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 15 วรรคแรก, 66 วรรคแรก ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 8 ปี จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 16 ปี จำเลยที่ 1ให้การรับสารภาพตามที่พิจารณาได้ความ และจำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพตามฟ้อง เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 กำหนด 4 ปี จำคุกจำเลยที่ 2 กำหนด 8 ปี เฮโรอีนของกลางที่เหลือจากการตรวจพิสูจน์เป็นทรัพย์สินที่มีไว้เป็นความผิดจึงให้ริบ ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 102ความผิดฐานอื่นสำหรับจำเลยที่ 1 ให้ยก
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยที่ 2 ขับรถจักรยานยนต์นำเฮโรอีนมาส่งมอบให้จำเลยที่ 1 เจ้าพนักงานตำรวจเข้าจับกุมจำเลยทั้งสองพร้อมกับยึดได้เฮโรอีนเป็นของกลาง คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2 ว่า จำเลยที่ 2 กระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ในข้อนี้จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า จำเลยที่ 2 มีเฮโรอีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อเสพมิได้เพื่อจำหน่าย เห็นว่า จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ปัญหาข้อนี้ต่อศาลอุทธรณ์ แต่ศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยให้จึงเป็นการไม่ชอบ แต่ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยปัญหานี้ไปโดยไม่ต้องย้อนสำนวนให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยก่อน ในปัญหานี้โจทก์บรรยายฟ้องยืนยันว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันมีเฮโรอีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามคำฟ้องโจทก์จึงเป็นเรื่องจำเลยทั้งสองเป็นตัวการร่วมกันกระทำความผิด ดังนั้นที่โจทก์นำสืบว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุ จำเลยที่ 2นำเฮโรอีนของกลางมาส่งมอบให้จำเลยที่ 1 นั้น จึงเป็นการส่งมอบเฮโรอีนของกลางระหว่างตัวการผู้กระทำผิดร่วมกัน จะถือว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการจำหน่ายเฮโรอีนตามบทนิยามคำว่าจำหน่าย ตามมาตรา 4แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ดังที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยไม่ได้ เพราะการจำหน่ายตามบทบัญญัติกฎหมายดังกล่าวหมายถึงการจำหน่ายให้แก่บุคคลภายนอกที่มิใช่ผู้ร่วมกระทำผิดด้วยกันและการกระทำดังกล่าวก็มิใช่ข้อบ่งชี้ว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนามีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามฟ้อง เพราะกรณีอาจเป็นเรื่องจำเลยทั้งสองร่วมกันออกเงินไปซื้อเฮโรอีนมาเสพตามที่ให้การไว้ในชั้นสอบสวนก็เป็นได้ นอกจากนี้เฮโรอีนของกลางมีจำนวนเพียง 18.02 กรัม ไม่ถึง 20 กรัม ไม่เข้าข้อสันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามมาตรา 15 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 พยานหลักฐานโจทก์จึงไม่มีน้ำหนักรับฟังว่าจำเลยที่ 2 มีเฮโรอีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามฟ้อง แม้จำเลยที่ 2 จะให้การรับสารภาพก็ลงโทษในความผิดฐานนี้ไม่ได้ จำเลยที่ 2 คงมีความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตเท่านั้น ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 2ในความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายมานั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยที่ 2 ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 15 วรรคแรก, 67 ให้จำคุกจำเลยที่ 2 กำหนด 8 ปี จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78คงจำคุกจำเลยที่ 2 กำหนด 4 ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share