คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1380/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยได้ รับซื้อ และขายรถของกลางโดย รู้อยู่แล้วว่าเป็นรถที่ถูก คนร้ายลักมา ถึง แม้จำเลยได้ ทำในนามของบริษัท จ.จำกัดหรือบริษัท อ. จำกัด ในฐานะ ที่จำเลยเป็นลูกจ้างก็ตาม ถือ ได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการรับซื้อ ไว้และช่วย จำหน่ายซึ่ง ทรัพย์อันได้ มาโดย การกระทำผิดฐาน ลักทรัพย์ จำเลยจึงมีความผิด ฐานรับของโจร.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334, 335,357, 83
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 วรรคแรก ลงโทษจำคุกคนละ 4 ปีจำเลยที่ 1 ที่ 2 ให้การรับสารภาพชั้นสอบสวน เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 2 คนละ 2 ปี 8 เดือน ข้อหาฐานลักทรัพย์ให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 3 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้เบื้องต้นว่ารถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่าเบลล์ เลขทะเบียน ลำพูน ฆ-9024ของผู้เสียหายถูกคนร้ายลักไป ผู้เสียหายได้แจ้งความต่อร้อยตำรวจตรีสัณห์พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองเชียงใหม่ร้อยตำรวจตรีสัณห์จึงได้แจ้งอายัดไปยังแผนกทะเบียนยานพาหนะจังหวัดลำพูน ต่อมามีผู้นำรถของผู้เสียหายไปขายให้จำเลยที่ 2พร้อมทั้งได้มอบใบคู่มือการจดทะเบียนกับหนังสือแจ้งความเรื่องขอโอนและขอรับโอนทะเบียนรถยนต์ไว้ให้ด้วย จำเลยที่ 2 ได้นำไปขายให้จำเลยที่ 1 พร้อมกับมอบเอกสารดังกล่าวให้ไว้ จำเลยที่ 1ได้นำไปขายต่อให้บริษัทเจริญมอเตอร์ จำกัด อันเป็นบริษัทในเครือเดียวกันกับบริษัทเอสวีร่วมทุน จำกัด โดยมีจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นผู้จัดการฝ่ายขายของบริษัทเอสวีร่วมทุน จำกัด เป็นผู้รับซื้อไว้แล้วขายต่อให้นางสุธรรมและได้มอบใบคู่มือการจดทะเบียนกับหนังสือแจ้งความเรื่องขอโอนและขอรับโอนทะเบียนรถยนต์เอกสารหมายจ.2, จ.3 ให้นางสุธรรมไปจัดการโอนทะเบียนเอง ปรากฏว่าเมื่อนางสุธรรมยื่นเรื่องขอโอนทะเบียนแล้ว เจ้าหน้าที่แผนกทะเบียนยานพาหนะจังหวัดลำพูนตรวจพบว่าเลขเครื่องกับเลขตัวถังรถไม่ตรงกับที่ระบุไว้ในใบคู่มือการจดทะเบียน แต่ตรงกับเลขทะเบียน ลำพูนฆ-9024 ซึ่งเป็นรถของผู้เสียหายที่ได้ถูกแจ้งอายัดไว้ ส่วนใบคู่มือการจดทะเบียนเอกสารหมาย จ.2 ก็เป็นใบคู่มือการจดทะเบียนรถจักรยานยนต์คันหมายเลขทะเบียน ลำพูน ฆ-9054 ซึ่งร้านลิ้มเม่งจั๊ว อำเภอหางดง โดยนางสาวรุ่งทิวาเป็นผู้มอบให้แก่นางสาวยิ่งพันธ์ผู้ที่ซื้อรถจักรยานยนต์คันหมายเลขทะเบียนลำพูน ฆ-9054 ไปจากร้านลิ้มเม่งจั๊ว แต่นางสาวยิ่งพันธ์ได้ทำตกหายไปและได้แจ้งอายัดไว้ที่แผนกทะเบียนยานพาหนะจังหวัดลำพูนอีกด้วย เจ้าหน้าที่แผนกทะเบียนยานพาหนะดังกล่าวจึงแจ้งให้นางสุธรรมทราบแล้วยึดรถจักรยานยนต์ไว้ และแจ้งให้ร้อยตำรวจตรีสัณห์มารับรถคันดังกล่าว ยึดไว้เป็นของกลางคดีนี้ นางสุธรรมรับโอนทะเบียนไม่ได้ก็แจ้งให้จำเลยที่ 3 ทราบ จำเลยที่ 3 ได้จัดการหารถจักรยานยนต์คันใหม่มอบให้นางสุธรรมแทนรถของกลาง ต่อมาจำเลยที่ 3 ถูกจับดำเนินคดีเป็นคดีนี้ มีปัญหาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 3มีความผิดฐานรับของโจรตามที่โจทก์ฎีกาหรือไม่ เห็นควรวินิจฉัยในเบื้องแรกเสียก่อนว่า ที่จำเลยที่ 1 ได้นำรถของกลางไปขายให้บริษัทเจริญมอเตอร์ จำกัด นั้น จำเลยที่ 3 เป็นผู้ตรวจและรับซื้อรถด้วยตนเองหรือไม่ โจทก์มีจ่าสิบตำรวจสุกิจ นาแก้ว เบิกความว่า เป็นผู้จับจำเลยทั้งสามและได้ทำบันทึกจับกุมไว้ตามเอกสารหมาย จ.5 และ จ.6 ในเอกสารหมาย จ.5 มีข้อความระบุไว้ชัดว่าจำเลยที่ 1 ได้นำรถของผู้เสียหายมาขายให้แก่บริษัทเจริญมอเตอร์จำกัด โดยมี “นายสมชาย สุขสมัย” ผู้จัดการฝ่ายขายเป็นผู้รับซื้อไว้ นอกจากนี้โจทก์มีร้อยตำรวจตรีสัณห์เบิกความยืนยันว่า ได้สอบสวนจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพในข้อหารับของโจรตามบันทึกคำให้การเอกสารหมาย จ.12 ซึ่งจำเลยที่ 1 ให้การไว้ชัดว่า ได้นำรถของผู้เสียหายมาขายให้ “นายสมชายไม่ทราบนามสกุลที่ร้านเอสวีร่วมทุน จำกัด” ฝ่ายจำเลยที่ 3 คงมีตนเองแต่ผู้เดียวเบิกความว่าบริษัทเอสวีร่วมทุน จำกัด ได้รับซื้อรถของกลางจากจำเลยที่ 1 และพนักงานฝ่ายขายเป็นผู้รับซื้อไว้ หาได้ปฏิเสธหรือนำสืบหักล้างเกี่ยวกับคำเบิกความของจ่าสิบตำรวจสุกิจและร้อยตำรวจตรีสัณห์ตลอดจนเอกสารหมาย จ.5 กับ จ.12 ว่าไม่เป็นความจริงแต่ประการใดไม่ ยิ่งไปกว่านี้ที่จำเลยที่ 3 เบิกความว่า พนักงานฝ่ายขายเป็นผู้รับซื้อไว้ก็หาได้นำพนักงานผู้นั้นมาเบิกความสนับสนุนไม่และปรากฏว่าจำเลยที่ 3 ได้เบิกความตอบคำถามค้านของโจทก์ได้ความชัดว่า จำเลยที่ 1 ได้นำรถของกลางมาขายให้จำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 3 เป็นผู้รับซื้อไว้จากจำเลยที่ 1 ดังนั้นถึงแม้ว่าเอกสารหมายจ.5 และ จ.12 เป็นบันทึกจับกุมกับบันทึกคำให้การของจำเลยที่ 1ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในชั้นสอบสวนและจำเลยในชั้นศาลด้วยกันกับจำเลยที่ 3 ก็ตาม ในเมื่อโจทก์มีจ่าสิบตำรวจสุกิจกับร้อยตำรวจตรีสัณห์ผู้ทำเอกสารดังกล่าวมาเบิกความประกอบโดยจำเลยที่ 3 ไม่นำสืบหักล้าง ทั้งยังเบิกความรับดังกล่าว ย่อมรับฟังได้ว่าจำเลยที่ 3เป็นผู้รับซื้อรถของกลางไว้ด้วยตนเอง และได้ความจากคำของจำเลยที่ 3 เองอีกว่าในวันที่จำเลยที่ 1 นำรถของกลางมาขายให้นั้นจำเลยที่ 3 ได้ตรวจดูใบคู่มือการจดทะเบียนและชุดโอนแล้วสำหรับชุดโอนนั้นเป็นชุดโอนลอย และจำเลยที่ 1 ได้มอบชุดโอนตามเอกสารหมาย จ.3 ให้ไว้อีกด้วย แสดงว่านอกจากจำเลยที่ 3เป็นผู้รับซื้อไว้ด้วยตนเองแล้ว ยังเป็นผู้ตรวจสอบหลักฐานของรถของกลางด้วยเช่นกัน ปัญหาต่อไปว่า จำเลยที่ 3 เป็นผู้ขายและมอบรถของกลางพร้อมเอกสารหมาย จ.2, จ.3 ให้กับนางสุธรรมไปจริงหรือไม่ โจทก์มีนางสุธรรมเบิกความยืนยันว่า จำเลยที่ 3 เป็นผู้ขายและออกใบเสร็จรับเงินกับออกบัตรบริการตรวจเช็คฟรีตามเอกสารหมายจ.1 ทั้งได้มอบใบคู่มือการจดทะเบียนกับเอกสารชุดโอนเอกสารหมายจ.2, จ.3 ให้ไปจัดการโอนเอาเอง และเมื่อนางสุธรรมไปโอนทะเบียนไม่ได้ นางสุธรรมก็กลับมาแจ้งให้จำเลยที่ 3 ทราบ จำเลยที่ 3จึงมอบเอกสารหมาย จ.4 ให้นางสุธรรมนำไปแสดงต่อนายทะเบียนยานพาหนะจังหวัดลำพูน ฝ่ายจำเลยที่ 3 นำสืบโดยมีตนเองเบิกความแต่ผู้เดียวว่า บริษัทเอสวีร่วมทุน จำกัด ได้ขายรถของกลางให้แก่นางสุธรรม แต่หาได้นำผู้มีอำนาจทำการแทนของบริษัทดังกล่าวมาเบิกความสนับสนุนไม่ จำเลยที่ 3 ยังรับอีกว่านางสุธรรมได้มาแจ้งให้ทราบว่าโอนทะเบียนไม่ได้ ส่วนที่อ้างว่าได้รับมอบหมายจากบริษัทเอสวีร่วมทุน จำกัด ซึ่งมีนางสุรีย์พรเป็นกรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนให้ จำเลยที่ 3 ไปตรวจสอบถึงปัญหาที่โอนทะเบียนไม่ได้จำเลยที่ 3 ก็ไม่ได้นำนางสุรีย์พรมาเบิกความประกอบ คำของจำเลยที่ 3 จึงไม่มีน้ำหนักพอที่จะหักล้างพยานโจทก์ดังกล่าวกรณีฟังได้ว่าจำเลยที่ 3 เป็นผู้ขายและมอบรถของกลางพร้อมเอกสารหมาย จ.2, จ.3 ให้นางสุธรรมจริง ฉะนั้นในเมื่อข้อเท็จจริงปรากฏชัดว่ารถของกลางเป็นของผู้เสียหายซึ่งหมายเลขเครื่องกับเลขตัวถังรถไม่ตรงกับใบคู่มือการจดทะเบียนเอกสารหมาย จ.2 แต่ตรงกับทะเบียนรถของผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายลักไป ทั้งในเอกสารดังกล่าวกับเอกสารหมาย จ.3 มีชื่อของนางสาวยิ่งพันธ์ ระวิวัฒน์ เป็นเจ้าของซึ่งทำตกหายไป โดยวิสัยของจำเลยที่ 3 ต้องมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องรับซื้อขายรถจักรยานยนต์เป็นอย่างดี ย่อมไม่มีเหตุที่จะอ้างได้ว่าได้รับซื้อและขายรถของกลางโดยไม่รู้ว่าเป็นรถที่ถูกลักมา แม้จำเลยที่ 3 จะอ้างว่าเป็นความผิดพลาดของบริษัทที่นำเอาป้ายวงกลมของรถคันอื่นมาติดกับรถของกลาง ซึ่งทางบริษัทได้ถ่ายสำเนาทะเบียนของรถคันที่ติดผิดไปก็ตามหาใช่ความสำคัญที่จะหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ได้ไม่ พยานหลักฐานของโจทก์ประกอบข้อเท็จจริงและพฤติการณ์แห่งคดีฟังได้ว่า จำเลยที่ 3 ได้รับซื้อและขายรถของกลางโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นรถที่ถูกคนร้ายลักมาถึงแม้จะฟังได้ว่าจำเลยที่ 3 ได้ทำในนามของบริษัทเจริญมอเตอร์ จำกัดหรือบริษัทเอสวีร่วมทุน จำกัด ในฐานะที่จำเลยที่ 3 เป็นลูกจ้างก็ตาม ถือได้ว่าการกระทำของจำเลยที่ 3 เป็นการรับซื้อไว้และช่วยจำหน่ายซึ่งทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานรับของโจร…”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น.

Share