แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
นายเอียดเป็นคนแทงผู้ตาย จำเลยกับนายเวศเป็นคนขัดขวางมิให้คนไล่ติดตามนายเอียดไล่ติดตามนายเอียดต่อไป เมื่อได้ความว่าจำเลยเป็นพี่นายเอียด นายเอียดเป็นน้องนายเวศร่วมบิดามารดากันก่อนเกิดเหตุ 1 เดือนมีเรื่องชกต่อยขึ้นระหว่างผู้ตายกับนายเวศการที่จำเลยไปแอบซุ่มอยู่ในป่าโดยมีปืนด้วยกับนายเวศ เมื่อนายเอียดแทงผู้ตายแล้วได้วิ่งไปทางที่จำเลยกับนายเวศแอบซุ่มอยู่แสดงให้เห็นว่า ได้มีการร่วมคบคิดกันฆ่าแต่แรกที่จะไปแทงทำร้ายผู้ตายรายนี้โดยมีการแบ่งหน้าที่กันทำกล่าวคือ เมื่อนายเอียดแทงผู้ตายแล้วมิได้วิ่งหนีไปทางอื่นกลับวิ่งไปทางที่จำเลยกับพวกคอยดักอยู่ พอถึงจำเลยกับพวกก็ลุกขึ้นยืนขู่ขัดขวางการไล่ติดตามทันที การกระทำของจำเลยเป็นตัวการกระทำผิดด้วยกันกับนายเอียด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้องอีก 2 คน ร่วมกันใช้มีดปลายแหลมแทงทำร้ายร่างกายนายย้วน ทรายอ่อน โดยเจตนาฆ่า นายย้วนได้ถึงแก่ความตายเพราะพิษบาดแผลที่ถูกจำเลยกับพวกทำร้าย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 83
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยร่วมกันกับพวกใช้มีดแทงทำร้ายผู้ตายจนถึงแก่ความตายโดยเจตนาฆ่า พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 83 จำคุก 18 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยกับพวกมิได้ร่วมแทงผู้ตาย และมิได้เข้าไปในที่ที่นายเอียดแทงผู้ตายด้วย เพียงแต่ยืนอยู่ในป่าห่างจากที่ที่นายเอียดแทงผู้ตายประมาณ 1 เส้น และขัดขวางไม่ให้นางมะลิภรรยา และนายเยื้อนพี่ผู้ตายติดตามจับนายเอียดน้องจำเลย จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยร่วมกับนายเอียดฆ่าผู้ตาย การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำเพื่อช่วยเหลือนายเอียดผู้กระทำผิดในขณะกระทำผิด จึงเป็นเพียงสนับสนุนการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 86 ให้ลงโทษจำเลยสองในสามส่วน จำคุก 12 ปี
โจทก์ฎีกาว่า การกระทำของจำเลยเป็นการร่วมกันฆ่า ไม่ใช่สนับสนุนการกระทำความผิด ขอให้ลงโทษตามศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกาว่า ไม่ได้กระทำความผิด
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า นายเอียดเป็นคนแทงผู้ตาย ส่วนนายเวศกับจำเลยเป็นคนสกัดขัดขวางไว้มิให้พวกที่ไล่ติดตามนายเอียดไล่ติดตามต่อไป ได้ความว่าจำเลยเป็นพี่นายเอียด นายเอียดเป็นพี่นายเวศ ร่วมบิดามารดากัน ซึ่งเมื่อก่อนเกิดเหตุคดีนี้ราว 1 เดือนมีเรื่องชกต่อยกันขึ้นระหว่างผู้ตายกับนายเวศ ดังนั้น การที่จำเลยไปแอบซุ่มอยู่ในป่าโดยมีปืนไปด้วยกับนายเวศ และเมื่อนายเอียดแทงผู้ตายแล้วได้วิ่งหนีไปทางที่จำเลยกับนายเวศแอบซุ่มอยู่ จึงเห็นได้ว่าได้มีการร่วมคบคิดกันฆ่าแต่แรกที่จะไปแทงทำร้ายผู้ตายรายนี้ โดยมีการแบ่งหน้าที่กันทำ กล่าวคือ เมื่อนายเอียดแทงผู้ตายแล้ววิ่งหนี นายเอียดมิได้วิ่งไปทางอื่น กลับวิ่งไปทางที่จำเลยกับพวกคอยดักอยู่ ครั้นพอพวกผู้ตายวิ่งตามนายเอียดไปถึงตรงนั้นจำเลยกับนายเวศก็ลุกขึ้นยืนจากป่าที่กำบังยกปืนขู่ทันทีมิให้พวกที่ไล่ติดตามนายเอียดไล่นายเอียดต่อไป จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานเป็นตัวการฆ่าผู้ตายรายนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83
พิพากษาแก้ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น