แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เอกสารหมาย จ.1 ถึง จ.4 เป็นเรื่องโจทก์จำเลยทำสัญญาซื้อขายปอฟอกกัน แม้เอกสารหมาย จ.1 มีข้อความตอนหนึ่งว่า ‘ปอจำนวนนี้ ข้าฯ จะส่งมาภายในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2509 เมื่อส่งครบจำนวนแล้วคิดตามราคาท้องตลาดเสร็จแล้วหักทุนออก เหลือเท่าไรจึงแบ่งฝ่ายละครึ่งของผลกำไร’ ก็ตาม ก็เป็นข้อตกลงอีกอันหนึ่งว่า ภายหลังที่ขายปอให้กันแล้ว โจทก์ (ผู้ซื้อ) จะต้องแบ่งกำไรให้จำเลย(ผู้ขาย) ด้วยเท่านั้นหาทำให้สัญญาซื้อขายกลายเป็นสัญญาเข้าหุ้นส่วนไปไม่ เพราะจำเลยยอมรับแต่ผลกำไรฝ่ายเดียว เมื่อขาดทุนไม่ต้องออกด้วย
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ทำสัญญารับเงินจากโจทก์โดยจำเลยที่ 1 ตกลงขายปอฟอกให้โจทก์ ขอให้ศาลบังคับจำเลยที่ 1 ชำระหนี้เป็นปอฟอก 13,900 กิโลกรัมแก่โจทก์ หรือชำระเป็นเงิน 24,325 บาทแทน ให้จำเลยที่ 2 ชำระหนี้ในฐานะผู้ค้ำประกัน ฯลฯ
จำเลยที่ 1 ให้การว่าโจทก์จำเลยร่วมเป็นหุ้นส่วนกัน ฯลฯ จำเลยที่ 2ให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ฯลฯ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้ตามฟ้อง ส่วนจำเลยที่ 2 ให้ยกฟ้องโจทก์
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ในชั้นฎีกามีปัญหาว่า เอกสารหมาย จ.1 ถึง จ.4 นั้น เป็นสัญญาซื้อขายหรือสัญญาเข้าหุ้นส่วน ศาลฎีกาเห็นว่าเป็นเรื่องโจทก์และจำเลยที่ 1 ทำสัญญาซื้อขายปอฟอกกัน เพราะอ่านแล้วได้ความชัดเช่นนั้น จริงอยู่แม้สัญญาตามเอกสารหมาย จ.1 มีข้อความตอนหนึ่งเขียนไว้ว่า “ปอจำนวนนี้ข้าฯ จะส่งมาภายในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2509 เมื่อส่งครบจำนวนแล้ว คิดตามราคาท้องตลาดเสร็จแล้วหักทุนออกเหลือเท่าไรจึงแบ่งกำไรฝ่ายละครึ่งของผลกำไร” ก็ตาม ก็เป็นข้อตกลงอีกอันหนึ่งว่า ภายหลังที่ขายปอให้กันแล้ว โจทก์จะต้องแบ่งกำไรให้จำเลยที่ 1 ด้วยเท่านั้น หาทำให้สัญญาซื้อขายนั้นกลายเป็นสัญญาเข้าหุ้นส่วนไปไม่ เพราะจำเลยที่ 1 ยอมรับแต่ผลกำไรอย่างเดียว เมื่อขาดทุนไม่ต้องออกด้วย จึงหาใช่เป็นหุ้นส่วนกันไม่
พิพากษายืน