คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3479/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พนักงานอัยการยื่นฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 1 ผู้เสียหายยื่นฟ้องจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ในมูลความผิดเดียวกัน ศาลชั้นต้นสั่งรวมการพิจารณาเข้าด้วยกัน แล้วพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นยกฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 2 ดังนี้พนักงานอัยการไม่มีสิทธิฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 เพราะเป็นเรื่องนอกฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสองฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 362, 364, 365(2)(3), 83
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 365, 83 จำคุกคนละ 6 เดือน ทางนำสืบของจำเลยทั้งสองเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุกคนละ 4 เดือน
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365 ประกอบด้วยมาตรา 364 ให้ปรับ1,500 บาท อีกสถานหนึ่ง เมื่อลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 แล้ว คงปรับ 1,000 บาท โทษจำคุกจำเลยที่ 1 ให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 สำหรับจำเลยที่ 2 ให้ยกฟ้องนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ทั้งสองสำนวนฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาโจทก์ทั้งสองเฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 2
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว วินิจฉัยว่าคำฟ้องของพนักงานอัยการจังหวัดมหาสารคาม โจทก์ที่ 1 ไม่ได้ฟ้องจำเลยที่ 2แม้ศาลชั้นต้นจะสั่งรับฎีกาของโจทก์ที่ 1 เฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 มาด้วย ซึ่งเป็นเรื่องนอกฟ้อง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้และวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า โจทก์ที่ 2 มีนางไกรและนางวิรัตน์เบิกความว่า จำเลยที่ 2 ยืนขวางประตูไม่ให้นางไกรเข้าบ้านแต่พยานโจทก์ที่ 2 ทั้งสองปากมิได้ให้การถึงเรื่องนี้ไว้ในชั้นสอบสวน หากเป็นจริงดังที่พยานเบิกความ ก็น่าจะให้การไว้ในชั้นสอบสวนด้วย ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่า จำเลยที่ 2 ยืนขวางนางไกรไว้ในขณะที่จำเลยที่ 1 เข้าไปเอาเครื่องเล่นวีดีโอเทปลำพังแต่จำเลยที่ 2 ไปและกลับพร้อมจำเลยที่ 1 ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 1 เพราะข้อเท็จจริงอาจเป็นดังที่จำเลยที่ 2 ต่อสู้ก็ได้
พิพากษายืน

Share