แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยตกลงรับจ้างทำการชักลากไม้ของโจทก์จำนวน 60 ท่อน  จากป่าระหารไปส่งให้แก่โจทก์ผู้ว่าจ้างที่บ้านท่าพุทรา  ซึ่งเป็นการขนเฉพาะไม้รายนี้ให้โจทก์ให้เสร็จภายในเวลาที่กำหนดไว้ในสัญญา  โดยโจทก์คิดค่าจ้างให้จำเลยเพื่อผลสำเร็จแห่งการงานนั้น  ในจำนวนไม้ตามที่จำเลยส่งมอบให้โจทก์  ในอัตราลูกบาศก์เมตรละ 60 บาท  หาใช่เป็นสัญญาที่จำเลยมีหน้าที่จะต้องทำการขนไม้รายอื่น ๆ ให้โจทก์อยู่ตลอดเวลาที่จ้างตามที่กำหนดไว้นั้นไม่  สัญญาที่จำเลยทำจึงเป็นสัญญาจ้างทำของ  หาใช่เป็นสัญญาจ้างแรงงานไม่
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 601  การชำรุดบกพร่องจะต้องเป็นความชำรุดบกพร่องแก่ตัวทรัพย์ที่จำเลยทำการขนส่งมอบแก่โจทก์  จำเลยขนไม้ไปส่งมอบให้โจทก์ไม่ครบจำนวน  จึงเป็นเรื่องที่จำเลยผิดสัญญาที่ทำไว้กับโจทก์  กรณีไม่เข้ามาตรา 601  ตามสัญญาจ้างชักลากไม้ก็มีความว่า  หากปรากฏว่าไม้ที่จ้างกันนี้สูญหายหรือเสียหายด้วยประการใด ๆ จำเลยผู้รับจ้างจะต้องใช้ค่าเสียหายให้โจทก์  โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกร้องค่าไม้ที่ขาดหายไปนั้นจากจำเลยได้ภายในกำหนด 10 ปี  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า  ตัวแทนโจทก์ผู้จ้างได้ทำสัญญาจ้างจำเลยผู้รับจ้างทำการชักลากไม้สักของกลาง จำนวน ๖๐ ท่อน  ซึ่งเจ้าหน้าที่ของโจทก์ได้จับยึดจากผู้กระทำผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้  มาส่งมอบให้แก่ตัวแทนโจทก์ผู้จ้างให้เสร็จสิ้นครบถ้วนภายในวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๐๑  จำเลยผู้รับจ้างได้ชักลากไม้ของกลางตามสัญญามาส่งมอบเพียงจำนวน ๑๓ ท่อน  จำเลยได้ทำสูญหายไปในระหว่างอยู่ในความรับผิดชอบของจำเลย  จึงขอให้ศาลพิพากษาบังคับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายจำนวนเงิน ๒๕,๔๘๒ บาทแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า  จำเลยไม่เคยทำสัญญารับจ้างชักลากไม้ของกลาง  จำเลยขอตัดฟ้องว่า  หนังสือสัญญารับจ้างชักลากไม้เป็นเอกสารที่มีอายุความ
ชั้นพิจารณา  จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลว่า  สัญญาที่โจทก์นำมาฟ้องจำเลยนั้น  เป็นสัญญาจ้างทำของ  ขอให้ศาลชี้ขาดเบื้องต้นก่อนดำเนินการพิจารณา  ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้แล้วให้งดสืบพยานโจทก์และพยานจำเลย  วินิจฉัยว่า  สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยเป็นการจ้างทำของ  คดีของโจทก์ขาดอายุความ  จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
มีปัญหาว่า  สัญญาที่ผู้แทนโจทก์กับจำเลยทำไว้ต่อกันนี้เป็นสัญญาจ้างแรงงานหรือจ้างทำของ  ศาลฎีกาเห็นว่า  แม้ในสัญญาจะมีข้อความว่า  โจทก์หรือผู้แทนมีสิทธิที่จะเข้าตรวจการงานได้ทุกเวลาก็ตาม  แต่ตามสัญญานั้นจะเห็นได้ว่าจำเลยเพียงแต่ตกลงรับจ้างทำการชักลากไม้ของโจทก์จำนวน ๖๐ ท่อนจากป่าระหาร  ไปส่งให้แก่โจทก์ผู้จ้างที่บ้านท่าพุทราซึ่งเป็นการขนเฉพาะไม้รายนี้ให้โจทก์ให้เสร็จภายในเวลาที่กำหนดไว้ในสัญญา  โดยโจทก์คิดค่าจ้างให้จำเลยเพื่อผลสำเร็จแห่งการงานนั้น  ในจำนวนไม้ตามที่จำเลยส่งมอบให้โจทก์ในอัตราลูกบาศก์เมตรละ ๖๐ บาท  หาใช่เป็นสัญญาที่จำเลยมีหน้าที่จะต้องทำการขนไม้รายอื่น ๆ ให้โจทก์อยู่ตลอดเวลาที่จ้างภายในกำหนดไว้นั้นไม่  สัญญาที่จำเลยทำไว้กับผู้แทนโจทก์ตามสำเนาท้ายฟ้องหมายเลข ๑  จึงเป็นสัญญาจ้างทำของ  หาใช่เป็นสัญญาจ้างแรงงานตามที่โจทก์ฎีกามาไม่
ส่วนปัญหาที่ว่าฟ้องของโจทก์จะขาดอายุความแล้วหรือไม่  ได้ความว่า  จำเลยได้ทำสัญญากับโจทก์ว่า  จำเลยรับจ้างชักลากไม้สักจำนวน ๖๐ ท่อน  เพื่อส่งมอบให้โจทก์ให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๐๑  แต่คงปรากฏว่า  จำเลยชักลากไม้ส่งมอบให้ตัวแทนโจทก์เพียงจำนวน ๑๓ ท่อน  ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๐๐  บัญญัติว่า  “ท่านห้ามมิให้ฟ้องผู้รับจ้างเพื่อพ้นปีหนึ่งนับแต่การชำรุดบกพร่องได้ปรากฏขึ้น”  การชำรุดบกพร่องที่ว่านี้  ศาลฎีกาเห็นว่าจะต้องเป็นความชำรุดบกพร่องแก่ตัวทรัพย์ที่จำเลยทำการขนส่งมอบแก่โจทก์  แต่คดีนี้ปรากฏว่า  จำเลยขนไม้ไปส่งมอบให้โจทก์ไม่ครบตามจำนวน  จึงเป็นเรื่องที่จำเลยผิดสัญญาที่ทำไว้กับโจทก์  กรณีไม่เข้าประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๐๐  ตามสัญญาจ้างชักลากไม้ของกลางท้ายฟ้องโจทก์ ข้อ ๗  ก็มีความว่า  หากปรากฏว่าไม้ที่จ้างกันนี้สูญหายหรือเสียหายด้วยประการใด ๆ จำเลยผู้รับจ้างจะต้องใช้ค่าเสียหายให้โจทก์  โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกร้องค่าไม้ที่ขาดหายไปนั้นจากจำเลยได้ภายในกำหนด ๑๐ ปี  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๔  ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่า  ฟ้องของโจทก์ขาดอายุความแล้วนั้น  ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
จึงพร้อมกันพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เสีย  ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาตามประเด็นที่คู่ความโต้เถียงกันนั้นต่อไป  แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

