คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1374/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีความผิดต่อส่วนตัว ก่อนคดีถึงที่สุด ผู้เสียหายย่อมถอนคำร้องทุกข์ได้ และสิทธินำคดีมาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) คำพิพากษาศาลล่างก็ย่อมระงับไปในตัวไม่มีผลบังคับต่อไป ไม่จำเป็นที่ศาลฎีกาจะต้องพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลล่างที่ลงโทษจำเลยไว้(อ้างนัยคำสั่งศาลฎีกาที่ 438/2505)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดฐานยักยอกทรัพย์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๒
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามมาตรา ๓๕๒ ลดรับสารภาพกึ่งหนึ่ง จำคุก ๓ เดือน ปรับ ๑๐๐ บาท โทษจำคุกรอ ๒ ปี
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษโดยไม่รอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้จำคุกไปทีเดียวโดยไม่รอ
จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษ
ระหว่างฎีกา ผู้เสียหายขอถอนคำร้องทุกข์ โจทก์แถลงคัดค้านว่าไม่ควรให้ถอนเพราะศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาแล้ว และอยู่ในระหว่างการอ่านคำพิพากษา เมื่อจำเลยมาศาลก็ขอให้อ่านไปทันที
ศาลฎีกาเห็นว่าในคดีความผิดต่อส่วนตัว ก่อนคดีถึงที่สุด ผู้เสียหายย่อมถอนคำร้องทุกข์ได้ เมื่อถอนคำร้องทุกข์แล้ว สิทธินำคดีมาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๓๙(๒) เมื่อสิทธินำคดีมาฟ้องระงับไป คำพิพากษาศาลล่างก็ย่อมระงับไปในตัว ไม่มีผลบังคับต่อไป ไม่จำเป็นที่ศาลฎีกาจะต้องพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลล่างที่ลงโทษจำเลยไว้ นัยคำสั่งศาลฎีกาที่ ๔๓๘/๒๕๐๕ จึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีนี้เสีย

Share