คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2381/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามข้อสัญญาในกรมธรรม์ประกันภัย จำเลยตกลงจะจ่ายเงินชดใช้เพื่อความรับผิดตามกฎหมายที่จะต้องชดใช้ค่าทดแทนเพื่อมรณกรรมหรือบาดเจ็บของบุคคลใด อันเกิดแต่รถยนต์คันที่เอาประกันภัย เว้นแต่มรณกรรมหรือบาดเจ็บนั้นเกิดแก่ลูกจ้างหรือบุคคลผู้อยู่ในครอบครัวของผู้เอาประกันภัย เมื่อ พ.เป็นผู้อาศัยนั่งมาในรถคันที่เอาประกันภัย แต่มิได้เป็นผู้ร่วมครัวเรือนหรือเป็นลูกจ้างของผู้เอาประกันภัย คงเป็นเพียงเพื่อนของบุตรผู้เอาประกันภัยเท่านั้น เมื่อรถคันที่จำเลยรับประกันภัยเกิดชนกับรถอื่นเป็นเหตุให้ พ.ถึงแก่ความตาย ผู้เสียหายจึงชอบที่จะได้รับค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยโดยตรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 887 วรรคสอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ ที่ ๕ เป็นบุตรโจทก์ที่ ๑ เกิดกับนายหลี แซ่โหง้ว เมื่อวันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๑๗ นายพิเชษฐ์ บุตรของโจทก์ที่ ๑ ซึ่งเกิดกับนายหลีได้ถึงแก่กรรมเนื่องจากรถยนต์ประจำทางสาย ๔๓ ชนกับรถยนต์ส่วนบุคคลหมายเลขทะเบียน ก.ท.ส.๐๔๑๘ ที่บริเวณทางแยกถนนเจริญกรุงตัดกับถนนราชินี กรุงเทพมหานคร นายหลีและโจทก์ที่ ๑ ได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้ขับขี่รถยนต์ประจำทางสาย ๔๓ ร่วมกับเจ้าของรถ และนายสมศักดิ์ผู้ขับรถยนต์ส่วนบุคคลหมายเลขทะเบียน ก.ท.ส. ๐๔๑๘ ให้รับผิดชดใช้ค่าเสียหายฐานละเมิดศาลพิพากษาถึงที่สุดให้นายสมศักดิ์ผู้เดียวชดใช่ค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน ๑๐๑,๐๘๖ บาท ปรากฏตามคดีของศาลแพ่งหมายเลขแดงที่ ๑๐๖๘๓/๒๕๑๘ ในวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๑๘ โจทก์ได้ทราบว่าจำเลยเป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์ส่วนบุคคลหมายเลขทะเบียน ก.ท.ส.๐๔๑๘ มีข้อตกลงตามกรมธรรม์ประกันภัยว่า จำเลยจะชดใช้ค่าเสียหายเพื่อมรณกรรมของบุคคลใดอันเกิดจากการใช้รถยนต์หมายเลขทะเบียน ก.ท.ส.๐๔๑๘ ไม่เกิด ๒๕๐,๐๐๐ บาท ในระหว่างอายุกรมธรรม์ตั้งแต่วันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๑๖ ถึงวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๑๗ จำเลยจึงมีหน้าที่จะต้องชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ตามกรมธรรม์ประกันภัย ขอให้บังคับจำเลยชดใช้เงินแก่โจทก์ทั้งห้าจำนวน ๑๐๑,๐๘๖ บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยของเงินจำนวนนี้อัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า ศาลจะพิพากษาให้นายสมศักดิ์ชดใช้ค่าเสียหายหรือไม่ จำเลยไม่ทราบ ถึงจะมีคำพิพากษาก็ไม่ผูกพันจำเลย หากโจทก์ได้รับความเสียหายจริงไม่ควรเกิน ๑๐,๐๐๐ บาท ฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม ไม่บรรยายว่าโจทก์เสียหายอย่างไร เพราะเหตุใดเป็นค่าเสียหายเท่าใด โจทก์ทั้งห้ามิได้มีส่วนได้เสียในความตายของนายพิเชษฐ์ จึงไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยรับประกันภัยรถยนต์หมายเลยทะเบียน ก.ท.ส. ๐๔๑๘ จริง แต่ตามกรมธรรม์มีผลคุ้มครองเฉพาะรถยนต์หมายเลขทะเบียน ก.ท.ส. ๐๔๑๘ ไม่รวมถึงมรณกรรมของบุคคลที่นั่งมาในรถยนต์คันนี้ จะรับผิดต่อบุคคลภายนอกเฉพาะที่อยู่ในรถยนต์คันอื่นที่มิใช่รถยนต์คันที่เอาประกัน เมื่อนายพิเชษฐ์นั่งมาในรถยนต์ที่เอาประกัน จำเลยไม่ต้องรับผิด คดีโจทก์ขาดความอายุความเพราะฟ้องเกิด ๑ ปีแล้ว
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว วินิจฉัยว่าผู้ที่โดยสารไปในรถยนต์คันที่เอาประกันต้องถือว่าเป็นบุคคลในครอบครัวของผู้เอาประกัน จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชอบต่อโจทก์ตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัย และไม่จำต้องวินิจฉัยในประเด็นอื่น พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยจะต้องรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัย แต่เนื่องจากมีประเด็นอื่นอีกหลายข้อที่ศาลชั้นต้นมิได้วินิจฉัยไว้ จึงพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยประเด็นข้ออื่นแล้วพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เห็นว่าคดีมาสู่ศาลฎีกาเฉพาะปัญหาที่ว่า จำเลยจะต้องรับผิดในมรณะของนายพิเชษฐ์ ซึ่งนั่งมาในรถยนต์คันที่จำเลยรับประกันภัยไว้หรือไม่ เห็นว่าข้อสัญญาในกรมธรรม์ประกันภัยที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดนั้น จำเลยตกลงจะจ่ายเงินชดใช้เพื่อวินาศภัย ความบุบสลาย และหรือความรับผิดดังต่อไปนี้
ฯลฯ
ข้อ ๔. ความรับผิดตามกฎหมายที่จะต้องชดใช้ค่าทดแทน (รวมถึงค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายตามกฎหมายของผู้เรียกร้อง) เพื่อมรณกรรมหรือบาดเจ็บของร่างกายของบุคคลใด อันเกิดแต่รถยนต์คันที่ระบุในตารางแห่งกรมธรรม์นี้ เว้นแต่มรณกรรมหรือบาดเจ็บนั้นเกิดขึ้นแก่ลูกจ้างของผู้เอาประกัน จากหรือในระหว่างว่าจ้างของผู้เอาประกันต่อบุคคลนั้น และยกเว้นรวมไปถึงความรับผิดต่อบุคคลผู้อยู่ในครอบครัวของผู้เอาประกัน ฯลฯ
ตามกรมธรรม์ประกันภัยข้างต้น ยกเว้นความรับผิดของจำเลยเฉพาะมรณกรรมของลูกจ้างของผู้เอาประกัน กับบุคคลผู้อยู่ในครอบครัวของผู้เอาประกันข้อเท็จจริงปรากฏว่านายพิเชษฐ์ผู้ตายมิได้เป็นผู้ร่วมครัวเรือนหรือเป็นลูกจ้างของผู้เอาประกัน คงเป็นเพียงเพื่อนของนายสมศักดิ์ ที่จำเลยฎีกาโต้เถียงว่าผู้ตายอาศัยมาในรถยนต์คันที่เอาประกัน ต้องถือเป็นบุคคลที่อยู่ในครอบครัวของผู้เอาประกัน เป็นการโต้เถียงฝืนความจริงฟังไม่ขึ้น ตามกรมธรรม์ประกันภัยข้อ ๔ นี้ โจทก์ผู้ต้องเสียหายชอบที่จะได้รับค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยโดยตรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๘๘๗ วรรคสอง แม้จะปรากฏว่าผู้เอาประกันยอมให้นายสมศักดิ์ซึ่งเป็นบุตรชายเอารถยนต์คันที่ประกันไว้ไปใช้ จำเลยก็ต้องรับผิดต่อโจทก์ตามกรมธรรม์ประกันภัยข้อ ๘ ซึ่งให้ถือเสมอกับตัวผู้เอาประกันเอง เมื่อจำเลยต้องรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยในมรณกรรมของนายพิเชษฐ์ แต่คดียังประเด็นอื่นอีกหลายข้อที่ศาลชั้นต้นยังมิได้วินิจฉัย ศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยประเด็นข้ออื่นแล้วพิพากษาใหม่ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
พิพากษายืน

Share