คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1373/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 นั้น แม้ข้อความที่แจ้งจะเป็นเท็จแต่มิได้เกี่ยวข้องพาดพิงถึงโจทก์ ก็ไม่อาจทำให้โจทก์เสียหาย โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4)
การที่จำเลยซึ่งเป็นภริยาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ยื่นคำร้องขอรับมรดกโดยอ้างว่าเป็นภริยาของผู้ตายนั้น แม้โดยนิตินัยจำเลยจะไม่ใช่แต่โดยพฤตินัยจำเลยเป็นภริยาของผู้ตายยังถือไม่ได้ว่าจำเลยแจ้งข้อความอันเป็นเท็จทำให้โจทก์ผู้เป็นทายาทเสียหาย

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๑๑ จำเลยได้นำความอันเป็นเท็จไปแจ้งต่อร้อยตำรวจเอกสุชาติ ศรีเพ็ญชัย พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธร อำเภอธวัชบุรีว่าจำเลยเป็นผู้ครอบครองรักษา ส.ค.๑ แล้วศูนย์หายไป ความจริงจำเลยไม่เคยครอบครอง ส.ค.๑ ฉบับดังกล่าว ส.ค.๑ ฉบับดังกล่าวเป็นของนายเคน แก้วกาหลง เป็นผู้แจ้ง เป็นเจ้าของและเป็นผู้เก็บรักษา และต่อมาโจทก์ที่ ๑ เป็นผู้เก็บรักษาเองและในวันเดียวกันนั้น จำเลยได้ยื่นคำร้องต่อนายอำเภอธวัชบุรี ความว่า ส.ค.๑ ฉบับดังกล่าวนั้นมีชื่อนายเคน แก้วกาหลง เป็นเจ้าของ ศูนย์หาย จำเลยขอคัดสำเนาเพื่อทราบอาณาเขตและเนื้อที่ จนเจ้าหน้าที่ผู้ทำการแทนนายอำเภออนุญาตให้คัด แล้วต่อมาวันที่ ๑๒ เดือนเดียวกัน จำเลยได้ยื่นคำร้องขอรับมรดกของนายเคน แก้วกาหลง ต่อนายอำเภอธวัชบุรีซึ่งเป็นความเท็จ ความจริงจำเลยไม่เคยครอบครองเอกสาร ส.ค.๑ ดังกล่าวและจำเลยไม่มีสิทธิรับมรดกของนายเคน แก้วกาหลง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๗
ศาลจังหวัดร้อยเอ็ดไต่สวนมูลฟ้องได้ความว่าโจทก์ทั้งสองเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดากับนายสี แก้วกาหลง สามีจำเลย บิดาก็คือนายเคนแก้วกาหลง ผู้มีชื่อใน ส.ค.๑ ที่จำเลยแจ้งหายนั้นเอง จำเลยมีบุตรด้วยกันกับนายสี ๕ คน แต่จำเลยมิได้จดทะเบียนเป็นภริยาที่ถูกต้องกับนายสี นายเคนเจ้ามรดกตายเมื่อเดือนมกราคม ๒๕๑๑ ก่อนนายเคนตาย ๑ ปีจำเลยและสามีได้มาอยู่กับนายหนูโจทก์ โจทก์ได้มอบที่ดินตาม ส.ค.๑ นั้นให้จำเลยและนายสีทำกิน ต่อมาเดือนกุมภาพันธ์ปีเดียวกันนายสีสามีจำเลยตาย ต่อมาอีกวันที่ ๖ และ ๑๒ มิถุนายน ตามที่ฟ้องจำเลยจึงได้ไปแจ้งความตามที่โจทก์กล่าวในฟ้อง การยื่นคำร้องขอรับมรดกของจำเลยได้แสดงบัญชีเครือญาติของบุตรหลานนายเคนเจ้ามรดกโดยบริบูรณ์
ศาลชั้นต้นเห็นว่า บุตรทั้งห้าคนของนายสีเป็นบุตรที่บิดารับรองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๒๗ บุตรทั้งห้าคนเป็นทายาทของนายสีผู้ตายและตามคำร้องของจำเลยก็ได้แสดงบัญชีเครือญาติตามสิทธิที่บุตรของจำเลยจะพึงได้รับแม้จำเลยจะมิได้แสดงว่าขอรับแทนบุตร ก็เป็นการแสดงถึงความบริสุทธิ์ของจำเลยและทายาทอื่นตลอดถึงโจทก์ไม่เสียหาย ฟ้องของโจทก์ไม่มีมูล พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาต่อมา
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยแจ้งความเท็จต่อผู้บังคับกองสถานีตำรวจภูธร อำเภอธวัชบุรีนั้น ก็เพื่อจะขอคัดสำเนา ส.ค.๑ จากทางการอำเภอธวัชบุรีเท่านั้นข้อความที่แจ้งมิได้เกี่ยวข้องพาดพึงถึงโจทก์ต่อประการใด โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายและการที่จำเลยยื่นคำร้องว่าจำเลยเป็นภริยาของนายสี แม้โดยนิตินัยจำเลยจะไม่ใช่ภริยาอันชอบด้วยกฎหมายของนายสีเพราะไม่ได้จดทะเบียนสมรสก็ตามแต่โดยพฤตินัยจำเลยก็เป็นภริยาของนายสี เช่นนี้แล้วจะถือว่าการที่จำเลยร้องขอรับมรดกโดยอ้างว่าจำเลยเป็นภริยาของนายสี เป็นการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จทำให้โจทก์เสียหายหาได้ไม่
พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์

Share