คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1370/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การวินิจฉัยว่า คำแจ้งความของจำเลยที่ให้ไว้ต่อพนักงานสอบสวนเป็นการสุจริตใจหรือไม่นั้น เป็นปัญหาข้อเท็จจริง ฉะนั้น จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลแขวงตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2503 มาตรา 22

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้บังอาจนำความที่รู้อยู่แล้วว่าเป็นเท็จไปแจ้งต่อพนักงานสอบสวนว่านายคนึง พูนพุฒ เป็นผู้ทำให้เกิดเพลิงเผากองฟางของจำเลยโดยประมาท เป็นเหตุให้ตำรวจจับนายคนึงไปควบคุมกักขังไว้ 1 วัน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลแขวงธนบุรีไต่สวนมูลฟ้องแล้ว คดีมีมูลให้ประทับฟ้องไว้พิจารณาแต่พิพากษายกฟ้องเพราะเห็นว่าจำเลยไปแจ้งความกล่าวหานายคนึงเป็นการแจ้งความโดยสุจริตใจ

โจทก์อุทธรณ์

ศาลแขวงธนบุรีสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ เพราะเป็นการอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง

โจทก์อุทธรณ์คำสั่งศาลแขวงธนบุรี

ศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์อุทธรณ์ไม่ได้ ให้ยกคำร้องของโจทก์

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ฎีกาว่า การวินิจฉัยคำแจ้งความของจำเลยที่ให้ไว้ต่อเจ้าพนักงานสอบสวนเป็นการสุจริตใจหรือปรักปรำโจทก์นั้น เป็นปัญหาข้อกฎหมายซึ่งศาลฎีกาเห็นว่าเรื่องการวินิจฉัยเจตนาของจำเลยเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ที่ศาลอุทธรณ์สั่งยกคำร้องของโจทก์เสียนั้น ชอบแล้ว พิพากษายืน

Share