แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งได้สั่งการตามประกาศของคณะปฏิวัติรื้อห้องแถวที่ให้โจทก์เช่าทั้งหมด มิใช่รื้อเฉพาะส่วนที่รุกล้ำทางสาธารณะนั้น เป็นการทำเกินคำสั่งส่วนที่จำเลยทำเกินจะอ้างว่าเป็นนิรโทษกรรมตามกฎหมายไม่ได้ แต่ถ้าโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายตามสัญญา หรือไม่ได้รับความเสียหายอันจะเป็นละเมิดแล้ว จำเลยก็หาต้องรับผิดต่อโจทก์ไม่
การที่จำเลยรื้อห้องแถวดังกล่าว ทำให้สามีโจทก์เสียใจไปกระโดดน้ำตาย การที่โจทก์ต้องเสียค่าทำศพสามีและไม่ได้ขายสินค้านั้น ความเสียหายนั้นหาได้เกิดจากการกระทำของจำเลยไม่ ฉะนั้น จะเรียกร้องให้จำเลยรับผิดหาได้ไม่
ย่อยาว
คดีทั้ง 12 สำนวนนี้ ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษารวมกันโจทก์ฟ้องใจความอย่างเดียวกันว่า โจทก์แต่ละคนได้ออกเงินลงทุนปลูกสร้างห้องแถวไม้ชั้นเดียวในที่ดินที่จำเลยจัดสรร จำเลยยอมให้โจทก์เข้าอยู่และประกอบการค้าในฐานะผู้เช่า โจทก์ได้ทำสัญญาเช่าและเข้าอยู่โดยมิได้ประพฤติผิดสัญญา จำเลยใช้คนงานทำการรื้อห้องแถวเก็บเอาพัสดุไปอันเป็นการผิดสัญญาเช่าและละเมิด ขอให้ศาลบังคับจำเลยปลูกสร้างห้องแถวให้คืนสภาพเดิมและให้โจทก์เข้าอยู่ต่อไปตามสัญญา มิฉะนั้นก็ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
จำเลยให้การปฏิเสธ ต่อสู้ทุกสำนวน
ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยได้รื้อห้องพิพาทตามคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 449 ซึ่งบัญญัติว่า บุคคลใดเมื่อกระทำการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายก็ดี กระทำตามคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายก็ดี หากก่อความเสียหายแก่ผู้อื่นไซร้ ท่านว่าบุคคลนั้นหาต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนไม่จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์ทุกสำนวนอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ทุกสำนวนฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่ดินราชพัสดุแปลงนี้เป็นที่มีโฉนด เมื่อเทศบาลได้ปลูกแผงลอยและทำถนนหน้าแผงลอยเพื่อให้ประชาชนใช้สัญจรถือได้ว่าได้อุทิศให้เป็นทางสาธารณแล้ว ถนนสายนี้จึงเป็นทางสาธารณแต่นั้นมา การที่ผู้เช่าต่อเติมขยายแผงลอยเข้าไปในถนนภายหลังห้องพิพาทจึงรุกล้ำทางสาธารณซึ่งประชาชนใช้สัญจรแล้ว ดังนั้นคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีที่สั่งให้รื้อถอนหรือตัดทอนอาคารที่ปลูกสร้างไปให้พ้นที่ดินอันเป็นทางสัญจรของประชาชนโดยอาศัยอำนาจตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 44 จึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย
การที่จำเลยรื้อห้องพิพาททั้งหมด มิใช่รื้อเฉพาะส่วนที่รุกล้ำ เป็นการทำเกินคำสั่ง ส่วนที่จำเลยทำเกินจะอ้างว่าเป็นนิรโทษกรรมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 449 มิได้แต่ห้องที่จำเลยรื้อนี้เป็นของจำเลย จำเลยมีอำนาจรื้อเสียเองในส่วนที่มิได้รุกล้ำทางสาธารณได้หรือไม่เห็นว่า จำเลยทำให้โจทก์ผู้เช่าเข้าไปอยู่โดยอาศัยสัญญาเช่า แม้ว่าสัญญาเช่าจะสิ้นอายุแล้วก็ตาม จำเลยมีทางที่จะขออำนาจศาลให้พิพากษาขับไล่ผู้เช่าก่อนได้ดังนั้น จึงไม่ใช่เป็นการป้องกันสิทธิของตนอันเป็นนิรโทษกรรมหากทำให้ผู้ใดเสียหายเพราะการรื้อห้องพิพาท จำเลยต้องรับผิด
ในทางสัญญา โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายอย่างใดเลยเพราะห้องไม่เป็นเคหะที่จะได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ และสัญญาเช่าสิ้นอายุไปแล้ว ที่โจทก์อยู่ในห้องพิพาทของจำเลยต่อมาเป็นการอยู่โดยไม่มีสิทธิ ส่วนทางละเมิด แม้จำเลยรื้อห้องแถวเกินคำสั่งอ้างเป็นนิรโทษกรรมไม่ได้ แต่จะเป็นละเมิดต่อเมื่อเกิดความเสียหายต่อสิทธิที่โจทก์มีอยู่ตามกฎหมายการรื้อห้องแถว จำเลยมิได้ทำให้ร่างกายหรือทรัพย์สินของโจทก์เสียหาย โจทก์อ้างว่าเสียหายเพราะเหตุที่มิได้ใช้ห้องพิพาทนี้เมื่อโจทก์ไม่มีสิทธิจะอยู่ในห้องพิพาท จำเลยก็ไม่ได้ทำอะไรให้เสียหายต่อสิทธิของโจทก์ โจทก์จะเรียกค่าเสียหายจากผลที่โจทก์ละเมิดนั้นหาได้ไม่ เมื่อความเสียหายไม่มีก็ไม่เป็นละเมิด จำเลยหาต้องรับผิดต่อโจทก์ไม่
ที่โจทก์อ้างว่า สามีโจทก์เสียใจเพราะการที่จำเลยรื้อห้องแถวได้ไปกระโดดน้ำตาย โจทก์ต้องเป็นธุระทำศพสามี เลยไม่ได้ขายสินค้าผักสด ต้องเสียหายเป็นเงิน 1,500 บาทนั้น ความเสียหายที่มิได้ขายผักเกิดจากธุระของโจทก์เองหาได้เกิดจากการกระทำของจำเลยไม่สามีโจทก์ไปโดดน้ำตาย ก็เป็นเรื่องการทำตัวเอง การตายของสามีโจทก์ไม่ใช่เป็นผลแห่งการกระทำของจำเลย จะเรียกร้องให้จำเลยรับผิดไม่ได้เช่นกัน
พิพากษายืน ให้ยกฎีกาโจทก์