แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยเอาหนังสือสัญญาจะซื้อขายที่ดินที่จำเลยทำไว้กับโจทก์ร่วมไปจากโจทก์ร่วมและนำไปใช้อายัดต่อเจ้าพนักงานที่ดิน ห้ามทำนิติกรรมใด ๆ เกี่ยวกับที่ดินแปลงนั้น แม้หนังสือสัญญาจะซื้อขายฉบับดังกล่าวจะถูกยกเลิกไปแล้ว โดยคู่สัญญาได้ทำสัญญาขึ้นใหม่แล้วก็ตาม การกระทำของจำเลยก็ถือได้ว่าเป็นการเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่นและทำให้โจทก์ร่วมได้รับความเสียหายแล้ว จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 6/2531
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๘๘, ๘๓
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นอนุญาตให้นางเหรียญและนางกิมลี้เข้าร่วมเป็นโจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์และโจทก์ร่วมที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์และโจทก์ร่วมที่ ๒ ฎีกา โดยอธีบดีกรมอัยการลงลายมือชื่อรับรองว่ามีเหตุอันควรที่ศาลฎีกาจะได้วินิจฉัยในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๒๔ โจทก์ร่วมทั้งสองได้ทำสัญญาจะขายที่ดินโฉนดที่ ๒๒๙๑ ให้แก่จำเลยที่ ๑ ในราคา ๓๔๐,๐๐๐ บาท ในวันนั้นได้วางมัดจำไว้ ๕๐,๐๐๐ บาท ทำหนังสือสัญญา ๒ ฉบับ ข้อความตรงกันคู่สัญญาเก็บไว้ฝ่ายละ ๑ ฉบับ ต่อมามีการวางมัดจำเพิ่มขึ้นและทำสัญญาจะซื้อขายใหม่โดยเปลี่ยนคู่สัญญาฝ่ายผู้จะซื้อเป็นจำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นบุตรของจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๑ ได้ฉีกต้นฉบับหนังสือสัญญาจะซื้อขายเดิมที่ตนถือไว้ แต่โจทก์ร่วมที่ ๑ มิได้ฉีกต้นฉบับหนังสือสัญญาที่ตนยึดถือไว้เพราะวันนั้นมิได้นำติดตัวไป ต่อมาจำเลยทั้งสองมาขอดูต้นฉบับหนังสือสัญญาดังกล่าวและเอาไปเสียจากโจทก์ร่วม ต่อมาจำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นบิดาจำเลยที่ ๒ นำหนังสือสัญญาดังกล่าวไปขออายัดต่อเจ้าพนักงานที่ดิน ขอให้ห้ามทำนิติกรรมใด ๆ เกี่ยวกับที่ดินโฉนดที่ ๒๒๙๐ จนเจ้าพนักงานที่ดินรับอายัดไว้ ต่อมาจำเลยที่ ๑ นำหนังสือสัญญาดังกล่าวมาฟ้องโจทก์ร่วมทั้งสองเป็นจำเลยต่อศาลแพ่งธนบุรีในข้อหาผิดสัญญา พฤติการณ์ของจำเลยทั้งสองทั้งหมด ถือได้ว่าร่วมกระทำด้วยกัน ในปัญหาว่าการกระทำดังกล่าวของจำเลยทั้งสองจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๘๘ หรือไม่ ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า แม้หนังสือสัญญาจะซื้อขายฉบับที่โจทก์นำมาฟ้องจะถูกยกเลิกไปแล้ว โดยคู่สัญญาได้ทำสัญญาใหม่ เปลี่ยนคู่สัญญาฝ่ายผู้จะซื้อจากจำเลยที่ ๑ เป็นจำเลยที่ ๒ ก็ตาม แต่หนังสือสัญญาฉบับนี้ก็ยังเป็นเอกสารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑(๗) และเป็นของโจทก์ร่วมทั้งสองเพราะเป็นหนังสือสัญญาฉบับที่คู่สัญญาให้โจทก์ร่วมทั้งสองยึดถือไว้ ทั้งการกระทำดังกล่าวของจำเลยทั้งสองก็ถือได้ว่าเป็นการเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่นและทำให้โจทก์ร่วมทั้งสองได้รับความเสียหายจากการที่จำเลยทั้งสองได้นำเอกสารดังกล่าวไปเป็นหลักฐานในการขออายัดที่ดินตามที่โจทก์ฟ้องแล้ว การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๘๘
พิพากษากลับว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๘๘, ๘๓ จำคุกคนละ ๓ เดือน