คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1367/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำพิพากษาศาลชั้นต้นซึ่งถึงที่สุดไปแล้วบังคับว่า ให้จำเลยส่งมอบห้องพิพาทให้โจทก์ ถ้าไม่สามารถส่งมอบห้องได้ ก็ให้จำเลยคืนเงินแก่โจทก์ 12,500 บาท ดังนี้เป็นการกำหนดให้จำเลยกระทำการชำระหนี้ทีละอย่างก่อนหลังตามลำดับ กล่าวคือ ไม่สามารถจะกระทำอย่างแรกแล้วจึงให้กระทำอย่างหลัง ไม่ใช่เป็นการกระทำหลายอย่างอันลูกหนี้จะพึงเลือกได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 198 การที่จำเลยอ้างว่าจำเลยต้องใช้ห้องพิพาทเพื่อประกอบอาชีพนั้น เหตุเพียงเท่านี้ยังไม่เป็นอันพ้นวิสัยอันจะเป็นมูลให้จำเลยยกขึ้นอ้างว่าไม่สามารถส่งมอบห้องพิพาทได้ ฉะนั้น โอกาสที่จำเลยจะขอคืนเงินให้โจทก์ จึงยังไม่อาจเกิดขึ้น

ย่อยาว

คดีนี้ สืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องจำเลยขอให้ส่งมอบห้องพิพาท ๑ ห้อง ที่สุดศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยส่งมอบห้องพิพาทให้โจทก์ โดยให้โจทก์ชำระเงิน ๕๐๐ บาท ถ้าไม่สามารถส่งมอบห้องได้ ก็ให้จำเลยคืนเงินแก่โจทก์ ๑๒,๕๐๐ บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ย ศาลออกบังคับโดยที่โจทก์ได้นำเงิน ๕๐๐ บาทวางศาลเพื่อชำระให้จำเลยแล้ว
ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องขอคืนเงิน ๑๒,๕๐๐ บาทให้โจทก์ เพราะห้องพิพาทนั้นจำเลยได้ใช้เป็นที่ประกอบการค้า โจทก์คัดค้าน ศาลชั้นต้นสั่งว่า ศาลพิพากษาให้เป็นไปตามคำขอของโจทก์ซึ่งให้บังคับเป็น ๒ ทาง จำเลยไม่ยอมส่งมอบห้อง โจทก์ต้องขอให้ศาลบังคับคดีให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์เท่านั้น ให้ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยส่งมอบห้องพิพาทให้โจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นซึ่งถึงที่สุดไปแล้วนั้นบังคับว่า ให้จำเลยส่งมอบห้องพิพาทให้โจทก์ ถ้าไม่สามารถส่งมอบห้องได้ ก็ให้จำเลยคืนเงินแก่โจทก์ ๑๒,๕๐๐ บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะชำระเงินเสร็จ เป็นการกำหนดให้จำเลยกระทำการชำระหนี้ทีละอย่างก่อนหลังตามลำดับกล่าวคือ ไม่สามารถจะกระทำอย่างแรกแล้ว จึงให้กระทำอย่างหลัง ไม่ใช่เป็นการกระทำหลายอย่างอันลูกหนี้จะพึงเลือกได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๙๘ การที่จำเลยอ้างว่า จำเลยต้องใช้ห้องพิพาทเพื่อประกอบอาชีพนั้น เหตุเพียงเท่านี้ยังไม่เป็นอันพ้นวิสัย อันจะเป็นมูลให้จำเลยยกขึ้นอ้างว่าไม่สามารถจะส่งมอบห้องพิพาทได้ ฉะนั้น โอกาสที่จำเลยจะขอคืนเงินให้โจทก์จึงยังไม่อาจเกิดขึ้น
พิพากษายืน.

Share