คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 772/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยยื่นอุทธรณ์และยื่นคำร้องขอฟ้องอุทธรณ์อย่างคนอนาถาศาลชั้นต้นนัดไต่สวนอนาถา ครั้นถึงวันนัดได้สั่งงดไต่สวนเสีย โดยว่าไม่จำเป็นและมีคำสั่งว่า ไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย เพราะเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งต้องห้ามอุทธรณ์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 ที่ศาลชั้นต้นสั่งเช่นนี้ ศาลฎีกาเห็นว่า ยังคลาดเคลื่อนอยู่ เพราะเมื่อศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ เพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 ก็พึงยกคำร้องขอฟ้องอุทธรณ์อย่างคนอนาถานั้นเสีย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 156 วรรคสาม หาควรที่จะก้าวล่วงไปสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย เสียทีเดียวไม่ จึงพิพากษายกคำสั่งศาลอุทธรณ์และศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสั่งใหม่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคสาม ค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ฎีกาให้คืนจำเลยไป (คดีนี้จำเลยฎีกาได้)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขับไล่

จำเลยปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาขับไล่จำเลยและบริวาร

จำเลยที่ 2 อุทธรณ์และยื่นคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นสั่งนัดไต่สวนอนาถา

ครั้นถึงวันนัดไต่สวนอนาถา ศาลชั้นต้นจดรายงานกระบวนพิจารณาใจความว่า ได้พิเคราะห์ฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 แล้ว ปรากฏว่าเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 จึงมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ และงดการไต่สวนอนาถาเสีย

จำเลยที่ 2 อุทธรณ์คำสั่งที่ยกคำร้องขอฟ้อง (อุทธรณ์) อย่างอนาถาของจำเลย

ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเมื่อฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยเป็นอุทธรณ์ที่ต้องห้ามเสียแล้วอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ในข้ออนาถาจึงตกไปตามมาตรา 155 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ให้ยกคำร้องของจำเลย

จำเลยที่ 2 ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อจำเลยที่ 2 อุทธรณ์และยื่นคำร้องขอฟ้องอุทธรณ์อย่างคนอนาถานั้น ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนอนาถาก่อนแต่ครั้นถึงวันนัดได้สั่งให้งดไต่สวนเสีย โดยว่าไม่จำเป็นและมีคำสั่งว่าไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 โดยว่าเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 224 และคำสั่งศาลอุทธรณ์ก็ได้ท้าวความถึงคำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งไม่รับอุทธรณ์นั้นด้วย แล้วสั่งว่าเมื่อฟ้องอุทธรณ์ต้องห้ามเสียแล้ว อุทธรณ์ในข้ออนาถาจึงตกไปตามมาตรา 155 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ให้ยกคำร้องดังนี้ ได้พิเคราะห์แล้วศาลฎีกาเห็นว่า ยังคลาดเคลื่อนอยู่เพราะเมื่อศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยที่ 2 ฟ้องอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ เพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 224 ก็พึงสั่งยกคำร้องขอฟ้องอุทธรณ์อย่างคนอนาถานั้นเสียตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรค 3 หาควรที่จะก้าวล่วงไปสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 เสียทีเดียวไม่(เทียบตามนัยฎีกาที่ 256/2507 ระหว่างนายวอน วงษ์สวรรค์ โจทก์นายพิชิต ดิษยนันท์ กับพวก จำเลย) ฎีกาของจำเลยที่ 2 ฟังขึ้น

พิพากษายกคำสั่งศาลอุทธรณ์และคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นสั่งใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรค 3ค่าธรรมเนียมชั้นศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาในชั้นนี้ให้คืนแก่จำเลยที่ 2 ไป

Share