คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 13666/2558

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 193 ตรี บัญญัติให้ศาลสอบถามคู่ความฝ่ายที่จะต้องนำพยานเข้าสืบว่า ประสงค์จะอ้างอิงพยานหลักฐานใดแล้วให้ศาลบันทึกไว้ ย่อมแสดงว่า ในการพิจารณาคดีมโนสาเร่ เป็นหน้าที่ของศาลที่จะต้องบันทึกเกี่ยวกับพยานหลักฐานที่จะนำเข้าสืบได้เองไว้ในรายงานกระบวนพิจารณา โดยคู่ความไม่จำต้องจัดทำบัญชีระบุพยานยื่นต่อศาลล่วงหน้าตามกำหนดเวลาที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.พ. มาตรา 88 ดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับบัญชีระบุพยานฉบับที่สองของโจทก์ จึงไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 193 ตรี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 185,468.15 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 18 ต่อปี ของต้นเงิน 155,551.25 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง (ศาลชั้นต้นไม่ได้สั่งค่าฤชาธรรมเนียม)
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 193 ตรี บัญญัติว่า เมื่อศาลได้รับคำให้การของจำเลยตามมาตรา 193 วรรคสาม หรือศาลมีคำสั่งให้สืบพยานตามมาตรา 193 วรรคสี่ หรือมาตรา 193 ทวิ วรรคสอง ให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปโดยเร็ว และให้ศาลสอบถามคู่ความฝ่ายที่จะต้องนำพยานเข้าสืบว่าประสงค์จะอ้างส่งพยานหลักฐานใดแล้วบันทึกไว้ หรือสั่งให้คู่ความจัดทำบัญชีระบุพยานยื่นต่อศาลภายในระยะเวลาตามที่ศาลเห็นสมควร ดังนั้น บทบัญญัติดังกล่าวที่ให้ศาลสอบถามคู่ความฝ่ายที่ต้องนำพยานเข้าสืบว่าประสงค์จะอ้างอิงพยานหลักฐานใดแล้วให้ศาลบันทึกไว้ ย่อมแสดงว่า ในการพิจารณาคดีมโนสาเร่ เป็นหน้าที่ของศาลที่จะต้องบันทึกเกี่ยวกับพยานหลักฐานที่จะนำเข้าสืบได้เองไว้ในรายงานกระบวนพิจารณา โดยคู่ความไม่จำต้องจัดทำบัญชีระบุพยานยื่นต่อศาลล่วงหน้าตามกำหนดเวลาที่บัญญัติไว้ในมาตรา 88 ดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับบัญชีระบุพยานฉบับที่สองของโจทก์ จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 193 ตรี พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นนับตั้งแต่การสั่งไม่รับบัญชีระบุพยานฉบับที่สองของโจทก์เป็นต้นไป แล้วดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 193 ตรี แล้วมีคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฎีกาของจำเลยทั้งสองที่ว่า ในคดีมโนสาเร่โจทก์ต้องยื่นบัญชีระบุพยานตามกำหนดระยะเวลาที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 นั้น เห็นว่า เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายซึ่งศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยไว้ถูกต้องแล้ว ศาลฎีกาไม่รับคดีไว้พิจารณาพิพากษาตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 23 วรรคหนึ่ง
อนึ่ง แม้ตามอุทธรณ์ของโจทก์ โจทก์ขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นและพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าสินค้าแก่โจทก์ตามฟ้อง แต่เมื่อคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์มีผลเพียงให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดีเท่านั้น จึงเป็นการปลดเปลื้องทุกข์อันมิอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ซึ่งต้องเสียค่าขึ้นศาลเพียง 200 บาท ดังนั้นจึงให้คืนค่าขึ้นศาลส่วนที่เกิน 200 บาท ในชั้นอุทธรณ์ให้แก่โจทก์จึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความศาลฎีกา ให้คืนค่าขึ้นศาลส่วนที่เกิน 200 บาท ในชั้นอุทธรณ์แก่โจทก์ และคืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาทั้งหมดแก่จำเลยทั้งสอง ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกานอกจากที่สั่งคืนให้เป็นพับ

Share