คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1366/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 6 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ปรับ ส่วนโทษจำคุกให้รอการลงโทษ การที่ศาลอุทธรณ์ให้รอการลงโทษจำคุกและลงโทษปรับจำเลยด้วย นั้นมิใช่เป็นการพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลย.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43, 157
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522มาตรา 43, 157 การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 300 ซึ่งเป็นบทหนักตามมาตรา 90 จำคุก 6 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ปรับจำเลย 2,000 บาท อีกสถานหนึ่งโทษจำคุกให้รอไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามมาตรา 29, 30 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยฎีกาข้อ 2.1 ว่า การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาปรับจำเลยด้วยนั้นเป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลย จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212 นั้น คดีนี้ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยขับรถโดยประมาทฝ่ายเดียว พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 6 เดือน ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าคนขับรถคู่กรณีมีส่วนประมาทด้วย พิพากษาแก้ให้ปรับจำเลยเป็นเงิน 2,000 บาทโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ศาลฎีกาเห็นว่า แม้โจทก์จะมิได้อุทธรณ์ให้เพิ่มโทษจำเลยก็ตาม แต่การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยไว้และลงโทษปรับจำเลยด้วยนั้นมิใช่เป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลยแต่อย่างใด…”
พิพากษายืน.

Share