คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1365/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้จำหน่ายคดีโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2มีผลทำให้คดีของโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 เสร็จสิ้นไป จึงไม่ถือว่าเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา โจทก์มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวได้ทันที ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในคำฟ้องว่า ให้โจทก์นำส่งสำเนาคำฟ้องและหมายเรียกให้จำเลย ถ้า ส่งไม่ได้ให้โจทก์แถลงเพื่อดำเนินการต่อไปภายใน 15 วันนับแต่วันส่งไม่ได้ หากไม่แถลงให้ถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง ปรากฏว่าส่งสำเนาคำฟ้องและหมายเรียกให้จำเลยที่ 2 ไม่ได้เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2527 โจทก์ยื่นคำแถลงเมื่อวันที่ 12พฤศจิกายน 2527 ขอให้จัดส่งหมายแก่จำเลยที่ 2 ใหม่ ในคำแถลงดังกล่าวมีข้อความชัด ว่าโจทก์ได้นำส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่ 2 ดังนั้นต้องถือว่าโจทก์ได้ทราบถึงผลของการการส่งหมายว่าส่งไม่ได้ตั้งแต่วันที่ 19 ตุลาคม 2527 ซึ่งเมื่อนับจากวันที่ส่งหมายไม่ได้จนถึงวันที่ 9 พฤศจิกายน 2527 อันเป็นวันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์ทิ้งฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2 นั้นเกิน 15 วันแล้ว การที่โจทก์ไม่แถลงเพื่อดำเนินการต่อไปภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ถือได้ว่าโจทก์เพิกเฉย ไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้เพื่อการนั้น ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 174(2)จึงเป็นการที่โจทก์ทิ้งฟ้องแล้ว ศาลชั้นต้นย่อมสั่งจำหน่ายคดีโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 ได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งห้าให้ร่วมกันรับผิดในมูลละเมิด และชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ศาลชั้นต้นสั่งว่า “รับคำฟ้อง หมายส่งสำเนาให้จำเลยโดยให้โจทก์นำส่งภายใน 7 วัน ถ้าส่งไม่ได้ให้โจทก์แถลงเพื่อดำเนินการต่อไปภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันส่งไม่ได้หากไม่แถลงให้ถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง” พนักงานเดินหมายนำหมายเรียกและส่งสำเนาคำฟ้องไปส่งให้แก่จำเลยที่ 2 เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2527แต่ส่งไม่ได้พนักงานเดินหมายรายงานให้ศาลทราบ เมื่อวันที่ 22ตุลาคม 2527 ซึ่งศาลได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2527 ว่า”รอฟังโจทก์” ต่อมาเจ้าพนักงานศาลได้รายงานศาลเมื่อวันที่9 พฤศจิกายน 2527 ว่าเกินกำหนด 15 วันแล้ว โจทก์ไม่มาแถลงดำเนินคดีศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งว่า โจทก์ทิ้งฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2 ให้จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 2 ออกจากสารบบความ โจทก์ยื่นคำแถลงลงวันที่ 12 พฤศจิกายน 2527 ขออนุญาตศาลให้จัดส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องให้จำเลยที่ 2 อีกครั้ง โดยการประกาศหนังสือพิมพ์ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ศาลมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 2ออกจากสารบบความแล้ว เพราะโจทก์ไม่ดำเนินการภายในกำหนด จึงไม่อนุญาต
โจทก์อนุญาต
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ไม่ปรากฏว่าโจทก์มีโอกาสทราบถึงผลการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่ 2 ถือไม่ได้ว่าโจทก์ทิ้งฟ้องเกี่ยวกับจำเลยที่ 2 ที่ศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีเกี่ยวกับจำเลยที่ 2 นั้น จึงไม่ชอบ พิพากษายกคำสั่งของศาลชั้นต้น ให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยที่ 2 ใหม่ แล้วดำเนินการต่อไป
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2 ว่า โจทก์ทิ้งฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2 หรือไม่ และเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 ซึ่งไม่ทำให้คดีเสร็จไปทั้งเรื่อง โจทก์จะอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นได้ทันทีก่อนที่ศาลชั้นต้นมีพิพากษาหรือไม่
พิเคราะห์แล้ว สำหรับข้อที่ว่าโจทก์จะอุทธรณ์ได้ทันทีหรือไม่นั้น เห็นว่าเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 อันเป็นเหตุให้คดีของโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 เสร็จสิ้นไปจึงไม่ถือว่าเป็นคำสั่งในระหว่างพิจารณา โจทก์จึงมีสิทธิอุทธรณ์ได้
สำหรับปัญหาว่า โจทก์ทิ้งฟ้องเกี่ยวกับจำเลยที่ 2 หรือไม่นั้นปรากฏว่า ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในคำฟ้องว่า ให้โจทก์นำส่งสำเนาคำฟ้องและหมายเรียกให้จำเลย ถ้าส่งไม่ได้ให้โจทก์แถลงเพื่อดำเนินการต่อไปภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันส่งไม่ได้ หากไม่แถลงให้ถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง ต่อมาเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2527 พนักงานเดินหมายได้นำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไปส่งให้จำเลยที่ 2 แต่ส่งไม่ได้จึงรายงานให้ศาลชั้นต้นทราบตามรายงานการเดินหมายฉบับลงวันที่22 ตุลาคม 2527 ศาลชั้นต้นสั่งเมื่อวันที่ 31 เดือนเดียวกัน ว่ารอฟังโจทก์ ต่อมาวันที่ 9 พฤศจิกายน 2527 เจ้าหน้าที่ศาลได้รายงานต่อศาลว่า พ้นกำหนด 15 วัน นับแต่วันส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่ 2 ไม่ได้แล้ว โจทก์ไม่มาแถลงเพื่อดำเนินคดี ศาลชั้นต้นสั่งว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง ให้จำเลยคดีเฉพาะจำเลยที่ 2 ออกจากสารบบความตามคำแถลงโจทก์ฉบับลงวันที่ 12 พฤศจิกายน 2527 ที่ขอให้จัดส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยที่ 2 ใหม่นั้น ในคำแถลงดังกล่าวมีข้อความชัดว่าโจทก์ได้นำส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่ 2ดังนั้น ต้องถือว่าโจทก์ได้ทราบถึงผลการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องว่าส่งไม่ได้ตั้งแต่วันที่ 19 ตุลาคม 2527 ซึ่งเมื่อนับจากวันที่ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไม่ได้จนถึงวันที่ 9 พฤศจิกายน 2527อันเป็นวันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า โจทก์ทิ้งฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2นั้นเกิน 15 วันแล้ว การที่โจทก์ไม่แถลงเพื่อดำเนินการส่งต่อไปภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดถือได้ว่าโจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้เพื่อการนั้นโดยชอบแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ มาตรา 174(2) จึงเป็นการทิ้งฟ้องแล้ว ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยที่ 2 ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำสั่งของศาลชั้นต้น”.

Share