คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1365/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำบรรยายฟ้องที่พอฟังได้ว่าจำเลยได้ครอบครองทรัพย์มรดกแทนโจทก์ตลอดมาถึงวันฟ้อง
การที่จำเลยได้ครอบครองทรัพย์มรดกแทนโจทก์ซึ่งเป็นผู้เยาว์ตลอดมาตั้งแต่เจ้ามรดกตาย แม้ต่อมาโจทก์บรรลุนิติภาวะแล้ว จำเลยก็ยังคงครอบครองแทนต่อมาอีก โจทก์ย่อมฟ้องคดีเกิน 10 ปีนับตั้งแต่เจ้ามรดกตายได้ คดีไม่ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1748
การที่จำเลยบอกโจทก์ว่าจะไม่ให้ทรัพย์มรดกที่เจ้ามรดกให้นั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยพูดไปด้วยความโมโห ไม่มีเจตนาจริงจังก็ไม่ถือว่าจำเลยได้เปลี่ยนลักษณะการยึดถือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381 กรณีไม่ใช่โจทก์ถูกจำเลยแย่งการครอบครอง โจทก์จึงไม่ต้องฟ้องคดีภายใน 1 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นบุตรบุญธรรมของนายลพสามีจำเลย นายลพได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์ให้โจทก์ นายลพถึงแก่กรรมเมื่อพ.ศ.๒๔๙๐ ซึ่งขณะนั้นโจทก์มีอายุเพียง ๑๕ ปี อยู๋ในความปกครองของจำเลย จำเลยได้ปกครองทรัพย์มรดกของโจทก์ในฐานะมารดาโดยชอบธรรม จน พ.ศ.๒๕๐๒ จำเลยได้แต่งงานโจทก์ให้ บัดนี้โจทก์ขอให้จำเลยมอบทรัพย์มรดกตามพินัยกรรม แต่จำเลยไม่ยอม จึงขอให้ศาลบังคับ
จำเลยให้การว่าเมื่อนายลพถึงแก่กรรมแล้ว จำเลยถือสิทธิปกครองทรัพย์มรดกมาผู้เดียว จำเลยมิได้เป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของโจทก์ เพราะมารดาโจทก์ยังมีชีวิตอยู่ เมื่อโจทก์บรรลุนิติภาวะแล้วมิได้ฟ้องเรียกร้องทรัพย์มรดกตามพินัยกรรมภายในกำหนดอายุความ นอกจากนี้ โจทก์จำเลยเกิดแตกร้าวกัน จำเลยได้ไล่โจทก์แล้วแจ้งให้ทราบว่าไม่ต้องการให้โจทก์ได้รับทรัพย์มรดก คดีของโจทก์จึงขาดอายุความแล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยส่งมอบทรัพย์ตามพินัยกรรมให้โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าคำบรรยายฟ้องพอฟังได้ว่า โจทก์อ้างว่าจำเลยได้ครอบครองทรัพย์มรดกที่โจทก์จะได้รับตามพินัยกรรมแทนโจทก์มาจนถึงวันฟ้อง มิใช่ว่าจำเลยได้ครอบครองมาถึงเพียง พ.ศ.๒๕๐๒ เท่านั้น
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้ใช้อำนาจปกครองโจทก์ซึ่งยังเป็นผู้เยาว์มาตั้งแต่เจ้ามรดกถึงแก่กรรม จึงแสดงว่าจำเลยได้ครอบครองทรัพย์มรดกตามพินัยกรรมส่วนของโจทก์แทนโจทก์ตลอดมา แม้เมื่อโจทก์บรรลุนิติภาวะแล้ว โจทก์ก็ยังอยู่ในความปกครองของจำเลย และจำเลยเคยครอบครองทรัพย์มรดกมาอย่างไร ก็คงครอบครองต่อไป จึงถือว่าจำเลยได้ครอบครองทรัพย์มรดกแทนโจทก์ตลอดมา คดีของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๗๔๘ และการที่จำเลยได้บอกให้โจทก์ทราบว่าจะไม่ให้ทรัพย์มรดกที่เจ้ามรดกให้นั้น ข้อเท็จจริงก็ฟังได้ว่าจำเลยพูดไปด้วยความโมโห มิได้มีเจตนาจริงจัง และมีพฤติการณ์อื่นประกอบให้ฟังว่า จำเลยมิได้เปลี่ยนแปลงลักษณะการยึดถือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๘๑ กรณีไม่ใช่โจทก์ถูกจำเลยแย่งการครอบครอง โจทก์จึงไม่ต้องฟ้องคดีภายใน ๑ ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๗๕
จึงพิพากษายืน

Share