แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฝิ่น มูลฝิ่น และกล้องสูบฝิ่นของกลางจับได้ที่บ้าน ม. จำเลยทั้งสองมีบ้านอยู่ต่างหาก ไม่ได้อยู่ที่บ้าน ม. แต่มาเยี่ยม ม. ในวันเกิดเหตุ และไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองเกี่ยวข้องกับของกลางดังกล่าวอย่างใด นอกจากการเสพฝิ่นและการที่จำเลยทั้งสองต่างเสพฝิ่นนั้นก็ไม่เป็นการมีกล้องสูบฝิ่นและฝิ่นที่เสพไว้ในความครอบครองร่วมกับ ม. จำเลยทั้งสองจึงไม่มีความผิดฐานมีฝิ่น มูลฝิ่น และกล้องสูบฝิ่นไว้ในความครอบครองด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองบังอาจสมคบร่วมกับจำเลยในคดีหมายเลขแดงที่ ๑๘๕/๒๕๒๑ ของศาลจังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งศาลได้พิพากษาลงโทษไปแล้ว มีฝิ่นดิบ ๑ ห่อ มูลฝิ่น ๑ ห่อ กล้องสูบฝิ่น ๑ อัน ไว้ในความครอบครองโดยไม่รับอนุญาต และได้บังอาจร่วมกันเสพฝิ่นโดยไม่รับอนุญาตด้วย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติฝิ่น พ.ศ.๒๔๗๒ ฯลฯ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติฝิ่น พ.ศ.๒๔๗๒ ฯลฯ ลงโทษจำคุกฐานมีฝิ่นและมูลฝิ่นคนละ ๖ เดือน ฐานเสพฝิ่นจำคุกคนละ ๖ เดือน ฐานมีกล้องสูบฝิ่นปรับคนละ ๒๐๐ บาท รวมโทษจำคุกคนละ ๑ ปี ปรับคนละ ๒๐๐ บาท
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ในข้อหามีฝิ่น มูลฝิ่น และกล้องสูบฝิ่นโดยไม่รับอนุญาต นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
คดีมีปัญหามาสู่ศาลฎีกาเฉพาะในประเด็นที่ว่า จำเลยทั้งสองจะมีความผิดฐานร่วมกันมีฝิ่น มูลฝิ่น และกล้องสูบฝิ่นไว้ในความครอบครองหรือไม่ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าของกลางทั้งหมดจับได้ที่บ้านนายมงคล จำเลยทั้งสองมีบ้านอยู่ต่างหากไม่ได้อยู่บ้านนายมงคล แต่มาเยี่ยมนายมงคลในวันเกิดเหตุ และไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองเกี่ยวข้องกับของกลางดังกล่าวอย่างไร นอกจากการเสพฝิ่น เมื่อข้อเท็จจริงได้ความดังกล่าวการที่จำเลยทั้งสองต่างเสพฝิ่นก็ไม่เป็นการมีกล้องสูบฝิ่น และฝิ่นที่เสพไว้ในความครอบครองร่วมกับนายมงคลด้วย คดีจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองมีฝิ่นมูลฝิ่น และกล้องสูบฝิ่น ไว้ในความครอบครอง
พิพากษายืน