คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1538/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้จะฟังว่าจำเลยได้กล่าวลับหลังโจทก์ว่า “ไม่ใช่พ่อแม่หรือโคตร์พ่อโคตร์แม่อะไรนี่” ก็ยังไม่เรียกว่าเป็นการดูถูกดูหมิ่นอย่างร้ายแรงประการใดเพียงแต่กล่าวคำไม่สุภาพว่าโจทก์มิใช่เป็นบุพพการีเท่านั้น จะเรียกถอนคืนการให้เพราะเหตุเนรคุณยังไม่ได้
ใบแต่งทนายเมื่อได้ยื่นต่อศาล ๆ ยอมให้ดำเนินกระบวนพิจารณาตลอดมา ดังนี้ ย่อมเป็นการแสดงว่าอนุญาตอยู่ในตัวแล้วทนายจำเลยจึงมีอำนาจดำเนินคดีในฐานะทนายจำเลย.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าได้รับจำเลยมาเลี้ยงดูอย่างบุตรและลงชื่จำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดที่ ๒๖๓๐ เนื้อที่ ๔๕ ไร่ ๒ งาน ๘๐ วา อยู่ที่อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรีร่วมกับโจทก์และนางอั้ว ก่อนฟ้องคดีนี้จำเลยหนี้ตามชายไปเป็นเหตุให้เสื่อมเสียเกียรติยศชื่เสียงและวงศ์สกุลโจทก์ให้กลับมาสมัครสมาจำเลยกลับด่าว่าหมิ่นประมาทโจทก์ และสมคบกับนายอินนำความเท็จไปกล่าวหาโจทก์ว่าลักทรัพย์ การกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นการเนรคุณต่อโจทก์ ขอให้เพิกถอนการให้
จำเลยปฏิเสธว่าไม่เคยประพฤติผิดเป็นการเนรคุณต่อโจทก์ตามฟ้องเลย และต่อสู้อย่างอื่นอีกหลายประการ
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยมิได้ประพฤติเนรคุณ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาว่าจำเลยกล่าวคำหมิ่นประมาทอย่างร้ายแรง และทนายความของจำเลยไม่ได้รับอนุญาตจากศาล
ศาลฎีกาไม่เชื่อว่าจำเลยได้กล่าวถ้อยคำว่า”ไม่ใช่พ่อแม่หรือโคตร์พ่อโคตร์แม่อะไรนี่” แม้จะฟังว่าจำเลยกล่าวเช่นนั้นลับหลังโจทก์ก็ไม่เรียกว่าเป็นดูถูกดูหมิ่นอย่างร้ายแรงประการใด เพียงแต่กล่าวคำไม่สุภาพว่าโจทก์มิใช่เป็นบุพพการีเท่านั้น
ส่วนใบแต่งทนายนั้นเมื่อได้ยื่นต่อศาล ๆ ยอมให้ดำเนินกระบวนพิจารณาตลอดมา ย่อมเป็นการแสดงว่าอนุญาตอยู่ในตัวแล้ว พิพากษายืน

Share