แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สามีมีสิทธิทำพินัยกรรมยกสินบริคณห์ให้แก่บุคคลอื่นได้ในเมื่อทรัพย์ที่ยกให้นั้นมีราคาไม่เกินส่วนของสามีและทรัพย์นั้นมีพฤติการณ์ที่ศาลเห็นว่าควรตกได้เป็นส่วนแบ่งของสามี ( ป.ช.ญ.ครั้งที่ 6/2498)
ฎีกาที่ตั้งต้นเรื่องเอาที่การคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยยกข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายขึ้นกล่าวอ้างไว้ชัดเจนแล้วย่อมเป็นฎีกาที่สมบูรณ์
ย่อยาว
โจทย์ฟ้องว่า โจทก์กับนายฮกเซ่ง แซ่ฮ่อ เป็นสามีภริยากันโดยโจทก์มีสินเดิมมาด้วย เมื่อนายฮกเซ่งตายมีสินสมรสเป็นที่ดินหลายแปลง จำเลยได้ร้องต่อคณะกรมการอำเภอเมืองสตูลและรัตตภูมิขอรับมรดกของนายฮกเซ่งในฐานะผู้ปกครองเด็กขายกิมเลี่ยบุตร โดยอ้างว่านายฮกเซ่งทำพินัยกรรมยกให้ ซึ่งนายฮกเซ่งไม่มีสิทธิจะเอาสินสมรสเกินกว่าส่วนของนายฮกเซ่งครึ่งหนึ่งไปทำพินัยกรรม์ยกให้ผู้อื่น จึงขอให้พิพากษาแสดงว่าที่ดินบ้านเรือนและสวนรายพิพาทเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับนายฮกเซ่ง ขอให้แบ่งให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง
จำเลยให้การต่อสู้ว่าโจทก์ไม่มีสินเดิม เมื่อ ๑๐ ปีเศษมานี้โจทก์กับนายฮกเซ่งได้ตกลงแบ่งสินสมรสกันแล้ว ต่อมานายฮกเซ่งได้ทำพินัยกรรมยกที่พิพาทซึ่งเป็นส่วนของนายฮกเซ่งให้แก่เด็กชายกิมเลี่ยงซึ่งเป็นบุตรอันชอบด้วยกฎหมาย พินัยกรรม์ย่อมสมบูรณ์และแม้จะฟังว่าโจทก์และนายฮกเซ๋งยังไม่ได้แบ่งสินสมรสกัน ทรัพย์รายพิพาทก็ยังไม่เกินส่วนของนายฮกเซ่ง
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์มีสินเดิม เมื่อ พ.ศ.๒๔๙๓ โจทก์และนายฮกเซ่งได้ตกลงขอให้อำเภอเมืองสตูลทำยอมแบ่งสินสมรสออกเป็นสองส่วน คือห้องแถวพร้อมด้วยที่ดิน กับส่วนยางที่ควนโพธิและทุ่งเปรเป็นของนายฮกเซ่ง เมื่อแบ่งแล้วนายฮกเซ่งได้ขายสวนยางที่ควนโพธิและทำพินัยกรรมยกทรัพย์รายพิพาทให้ ด.ช.กิมเลี่ยง ศาลชั้นต้นเห็นว่าสัญญาแบ่งทรัพย์ไม่มีผล แต่เห็นว่าพฤติการณ์แสดงเจตนาว่าจะให้ทรัพย์ที่แบ่งกลายเป็นสินส่วนตัวของแต่ละฝ่าย นายฮกเซ่งจึงมีสิทธิทำพินัยกรรม์ยกทรัพย์ให้บุตรซึ่งเกิดกับจำเลยได้ อย่างไรก็ดีแม้จะฟังว่าทรัพย์รายพิพาทยังเป็นสินสมรสอยู่ก็ตาม ก็ยังมีราคาไม่ถึงครึ่งของสินสมรส นายฮกเซ่งมีสิทธิทำพินัยกรรม์ได้ พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าสัญญาแบ่งสินสมรสใช้ไม่ได้ ทรัพย์ที่แบ่งไม่เป็นสินส่วนตัว นายฮกเซ่งไม่มีสิทธิทำพินัยกรรม์ได้เกินกว่าส่วนของนายฮกเซ่ง พิพากษากลับให้แบ่งทรัพย์รายพิพาท ๑ ใน ๓ ให้โจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าที่โจทก์แก้ฎีกาคัดค้านว่า ฎีกาจำเลยไม่เป็นฎีกา เพราะตั้งต้นเรื่องเอาที่การคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์นั้นฟังไม่ขึ้น เพราฎีกาจำเลยยกข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายขึ้นกล่าวอ้างไว้ชัดเจนแล้ว ส่วนข้อเท็จจริงคงฟังตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ คดีนี้โจทก์ตั้งรูปคดีมาเป็นเรื่องขอแบ่งสินบริคณห์โดยฉะเพาะ จึงต้องวินิจฉัยทำนองเดียวกับเรื่องการแบ่งเมื่อหย่าขาดจากกัน ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าทรัพย์รายพิพาทมีค่าไม่ถึงครึ่งของสินบริคณฑ์ทั้งหมดซึ่งนายฮกเซ่งมีส่วนอยู่ถึง ๒ ใน ๓ และทรัพย์ที่นายฮกเซ่งทำพินัยกรรมยกให้จำเลยนั้นก็ควรจะต้องตกได้เป็นส่วนแบ่งของนายฮกเซ่งด้วย ฉะนั้นพินัยกรรม์ที่นายฮกเซ่งทำยกทรัพย์ยกพิพาทหนี้ย่อมสมบูรณ์ พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์