คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1051/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ซึ่งเป็นผู้เยาว์ได้ยื่นคำร้องต่อศาลขออนุญาตดำเนินคดีด้วยตนเองเพราะไม่มีผู้แทนโดยชอบธรรม เมื่อศาลได้พิจารณาพฤติการณ์ต่างๆ โดยตลอดแล้ว เห็นว่าโจทก์สามารถดำเนินคดีโดยตนเองได้ จึงมีคำสั่งอนุญาตให้ดำเนินคดีได้ตามที่ต้องการ ตามความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 56 วรรคสุดท้ายนั้น ต้องถือว่าความบกพร่องในเรื่องความสามารถของโจทก์ได้บริบูรณ์แล้ว โจทก์มีอำนาจดำเนินโดยตนเองได้ และคำสั่งของศาลนี้มิใช่กรณีให้โจทก์ดำเนินคดีต่อไปก่อนชั่วคราวในระหว่างแก้ไขข้อบกพร่องในเรื่องความสามารถตามความในมาตรา 56 วรรคสาม ด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า หลังจากบิดามารดาโจทก์ถึงแก่กรรมแล้ว จำเลยซึ่งเป็นน้าได้มาช่วยโจทก์ทำนา และเข้าหุ้นส่วนทำไม้ซุงและตั้งโรงสีเล็ก ๆ ต่อมาจำเลยหาเรื่องไล่ฟันโจทก์ โจทก์และน้องมีความกลัวต้องอพยพไปอยู่ที่อื่น จำเลยได้ครอบครองทรัพย์สินของโจทก์ ทั้งได้รื้อเรือนและเผาทรัพย์โจทก์เสียหาย บัดนี้โจทก์บรรลุนิติภาวะ จึงขอเรียกทรัพย์คืนและเรียกค่าเสียหาย

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ ให้จำเลยและบริวารรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไป ห้ามเกี่ยวข้อง ให้จำเลยใช้เงินโจทก์ 3,125 บาทกับดอกเบี้ย

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ไม่เห็นพ้องด้วยกับคำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้โจทก์ดำเนินคดีและด่วนพิพากษาคดีไปขณะโจทก์ยังเป็นผู้เยาว์ แต่ปรากฏว่าเมื่อคดีนี้ขึ้นมาสู่ศาลอุทธรณ์ โจทก์บรรลุนิติภาวะแล้วจึงมีอำนาจดำเนินคดีได้ และพิพากษายืน

จำเลยฎีกา

มีปัญหาข้อกฎหมายมาสู่ศาลฎีกาในเรื่องอำนาจฟ้อง ศาลฎีกาเห็นว่า ความบกพร่องในเรื่องความสามารถในการดำเนินคดีเป็นเรื่องที่อาจแก้ไขให้บริบูรณ์ในภายหลังได้ ปรากฏว่า โจทก์ได้ยื่นคำร้องต่อศาลขออนุญาตดำเนินคดีด้วยตนเอง โดยอ้างเหตุว่าไม่มีผู้แทนโดยชอบธรรมศาลชั้นต้นได้พิจารณาพฤติการณ์ต่าง ๆ โดยตลอดแล้ว เห็นว่า โจทก์สามารถดำเนินคดีโดยตนเองได้ จึงได้มีคำสั่งอนุญาตตามคำร้องของโจทก์โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 56 วรรคสุดท้ายแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง กรณีจึงต้องถือว่าความบกพร่องในเรื่องความสามารถของโจทก์ได้บริบูรณ์แล้ว โจทก์มีอำนาจดำเนินคดีโดยตนเองได้ จึงได้มีคำสั่งอนุญาตตามคำร้องของโจทก์ โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 56 วรรคสุดท้ายกรณีจึงต้องถือว่าความบกพร่องในเรื่องความสามารถของโจทก์ได้บริบูรณ์แล้ว โจทก์มีอำนาจดำเนินคดีด้วยตนเองต่อไปได้จนคดีถึงที่สุด และโดยที่ขณะศาลชั้นต้นมีคำสั่งนั้น ได้สืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จสิ้นแล้ว ศาลชั้นต้นจึงได้พิพากษาคดีต่อมา กระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว และคำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวนี้มิใช่กรณีที่สั่งให้โจทก์ดำเนินคดีต่อไปก่อนชั่วคราวในระหว่างแก้ไขข้อบกพร่องในเรื่องความสามารถตามความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 56 วรรค 3 หากเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งให้อนุญาตหรือให้ความยินยอมให้โจทก์ดำเนินคดีได้ตามที่ต้องการตามความในวรรคท้ายของมาตรา 56

พิพากษายืน ให้ยกฎีกาจำเลย

Share