คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1363/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้มีชื่อในโฉนดเป็นผู้ถือกรรมสิทธิที่ดินนั้นไม่ได้หมายความว่า ผู้นั้นจะต้องมีสิทธิดีกว่าผู้อื่นเสมอไป อาจมีชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิแต่ไม่มีกรรมสิทธิ อันแท้จริงก็ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ซื้อที่ดินรายพิพาทจากนางทวี บุญประเสริฐเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2486 โดยใส่ชื่อจำเลยซึ่งเป็นน้องสาวเป็นผู้ซื้อ และใส่ชื่อจำเลยลงในโฉนดในฐานะเป็นตัวแทนถือกรรมสิทธิ์ต่อมาจำเลยได้พยายามจะเป็นเจ้าของและเก็บผลประโยชน์ในที่ดินรายพิพาทเสียเอง จึงขอให้ศาลสั่งว่าที่รายพิพาทและสิ่งปลูกสร้างเป็นของโจทก์ ถอนชื่อจำเลยออกใส่ชื่อโจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์

จำเลยให้การแก้ฟ้องและฟ้องแย้งว่าจำเลยเป็นผู้ซื้อที่รายพิพาทเอง มิใช่เป็นตัวแทนโจทก์สามีโจทก์ได้ออกเงินให้จำเลย 500 บาทโฉนดฝากโจทก์ไว้ ขอให้โจทก์คืนโฉนด

ศาลชั้นต้นเชื่อว่าโจทก์เป็นผู้ออกเงินซื้อที่พิพาท พิพากษาให้ถอนชื่อจำเลยใส่ชื่อโจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ เชื่อว่าโจทก์เป็นผู้ซื้อที่รายพิพาท แต่เห็นว่าข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ได้ให้จำเลยเป็นการเด็ดขาดแล้วจึงพิพากษา กลับให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์เป็นผู้ออกเงินซื้อที่รายพิพาทแต่ได้ลงชื่อจำเลยในสัญญาและในโฉนดว่าเป็นผู้ซื้อ โดยเหตุผลว่าโจทก์กับสามีไม่มีบุตรด้วยกัน ถ้าโจทก์ตายทรัพย์จะตกได้แก่สามีเสียหมด ญาติของโจทก์จะไม่ได้อะไรที่ใส่ชื่อนั้นก็เพื่อว่าเมื่อโจทก์ตายแล้ว ทรัพย์จะได้เป็นของคนนั้น แต่ระหว่างโจทก์มีชีวิตอยู่โจทก์ยังจัดการเก็บผลประโยชน์อยู่และรักษาโฉนดไว้โจทก์ไม่เคยยอมให้จำเลยปฏิบัติต่อทรัพย์พิพาทอย่างเจ้าของ ศาลฎีกาเห็นว่าผู้มีชื่อในโฉนดนั้นไม่ได้หมายความว่าผู้นั้นจะมีสิทธิดีกว่าผู้อื่นเสมอไป เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์เป็นเจ้าของอันแท้จริงจำเลยกระทำตนเป็นปฏิปักษ์ขัดสิทธิโจทก์ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องคดีป้องกันสิทธิของตนได้ จึงพิพากษากลับ บังคับคดีตามศาลชั้นต้น

Share