คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1361/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยจะไปตัดไม้ไผ่ ผู้ตายห้าม เกิดทะเลาะกัน จำเลยจึงกลับไปเอาปืนจากบ้านมาพบผู้ตายอีก แต่มิได้ยิงผู้ตายในทันที ได้พูดกับผู้ตายเรื่องไม้ไผ่ ว่าเขายกให้มึงหรือ และยังพูดต่อไปอีก 2-3 คำ รูปคดียังไม่ชี้ชัดลงไปว่า จำเลยมาพบผู้ตายเพื่อจะใช้ปืนยิงให้ตาย การที่กลับเปลี่ยนใจใช้ปืนยิงในภายหลังน่าจะเป็นเพราะผู้ตายเฉยไม่ยอมพูดทำความเข้าใจกับจำเลย ทำให้เกิดโทสะพลุ่งขึ้นเฉพาะหน้าแล้วยิงผู้ตายในขณะนั้น ยังไม่พอฟังว่าจำเลยฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้ปืนยิงฆ่านายบุญส่งโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและในเวลาต่อเนื่องกันได้ยิงฆ่านายสอน กับพยายามฆ่านางทันขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 289, 80, 91ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 2และริบของกลาง

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 และ 91 รวม 3 กระทง (ที่ถูก มีความผิดตามมาตรา 288สองกรรม และมีความผิดตามมาตรา 288, 80 อีกกรรมหนึ่ง) ให้วางโทษฐานฆ่ารวม 2 กระทง ให้จำคุกกระทงละ 20 ปี รวม 40 ปี ฐานพยายามฆ่าให้จำคุก 13 ปี 4 เดือน ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยไว้ 26 ปี 8 เดือน ของกลางริบ

โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 289

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในเช้าวันเกิดเหตุจำเลยออกจากบ้านไปตัดไม้ไผ่จะมาทำตอกมัดข้าวกล้า นายบุญส่งผู้ตายห้ามไม่ให้ตัดจึงได้เกิดทะเลาะกันขึ้น จำเลยโกรธนายบุญส่งผู้ตาย จึงกลับมาเอาปืนจากบ้านไปที่บ้านนางทันผู้เสียหาย ขณะที่ยังโมโหอยู่ครั้นจำเลยพบนายบุญส่งผู้ตายก็มิได้ยิงในทันที จำเลยได้พูดกับนายบุฐส่งผู้ตายถึงเรื่องไม้ไผ่ว่า เขายกให้มึงหรือและยังได้พูดต่อไปอีก 2-3 คำ ดังนี้ เห็นว่าแม้จำเลยจะโกรธผู้ตายมาก่อนแต่การที่จำเลยกลับไปเอาปืนที่บ้านมายังที่เกิดเหตุนั้น รูปคดีตอนนี้ ยังไม่ชี้ชัดลงไปทีเดียวว่าจำเลยพบนายบุญส่งผู้ตายเพื่อจะใช้ปืนยิงให้ตาย การที่จำเลยกลับมาเปลี่ยนใจใช้ปืนยิงนายบุญส่งผู้ตายภายหลัง น่าจะเป็นเพราะนายบุญส่งผู้ตายเฉยไม่ยอมพูดทำความเข้าใจกับจำเลย ทำให้จำเลยเกิดโทสะพลุ่งขึ้นเฉพาะหน้าอีกจึงได้ยิงผู้ตายในขณะนั้น โดยเหตุนี้รูปคดีของโจทก์จึงยังไม่พอฟังว่าจำเลยฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

พิพากษายืน

Share