แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยบังอาจกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน โดยมีเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์ ซึ่งเป็นเกลือของเฮโรอีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย และได้บังอาจจำหน่ายยาเสพติดให้โทษดังกล่าวแล้วอีกจำนวนหนึ่งให้แก่ผู้มีชื่อด้วย จำเลยให้การรับสารภาพ โจทก์สืบพยานประกอบคำรับสารภาพได้ความว่า จำเลยมีเฮโรอีนไว้เพื่อจำหน่ายจำนวนหนึ่งและจำหน่ายเฮโรอีนอีกจำนวนหนึ่ง ดังนี้การกระทำของจำเลยแยกได้เป็น 2 กระทง แต่ละกระทงเป็นความผิดตามกฎหมายถึงแม้ว่ากฎหมายจะบัญญัติความผิดดังกล่าวไว้ในมาตราเดียวกัน แต่การกระทำความผิดอาจแยกเป็นกระทง ๆ ได้ ซึ่งแล้วแต่ข้อเท็จจริงแห่งคดีและการบรรยายฟ้องของโจทก์ประกอบกัน
จำเลยกระทำความผิดหลังจากที่ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 มีผลใช้บังคับแล้ว ตามประกาศดังกล่าวข้อ 2 ได้แก้ไขยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 โดยให้ลงโทษผู้กระทำการอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป แม้โจทก์จะมิได้อ้างประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 มาในคำขอท้ายฟ้อง แต่โจทก์ก็ได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้งสองกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรม ดังนั้น ศาลมีอำนาจเรียงกระทงลงโทษจำเลยฐานมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเฮโรอีนได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้อง จำเลยให้การรับสารภาพ โจทก์สืบพยานประกอบคำรับสารภาพ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองบังอาจกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน โดยร่วมกันมีเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์ซึ่งเป็นเกลือของเฮโรอีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายและได้บังอาจร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษดังกล่าวแล้วอีกจำนวนหนึ่งให้แก่ผู้มีชื่อด้วย
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยกระทำผิดพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ มาตรา ๒๐ ทวิ หลายบทหลายกระทง ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ ลดมาตราส่วนโทษกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๕ จำคุกฐานมียาเสพติดให้โทษไว้เพื่อจำหน่ายคนละ ๒ ปี ๖ เดือน ฐานจำหน่ายยาเสพติดให้โทษคนละ ๒ ปี ๖ เดือน รวมโทษจำคุก ๕ ปี จำเลยรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุกคนละ ๒ ปี ๖ เดือน ริบของกลาง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๔๖๕ มาตรา ๒๐ ทวิ กระทงเดียว ลดมาตราส่วนโทษกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๕ จำคุกคนละ ๒ ปี ๖ เดือน จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ จำคุกคนละ ๑ ปี ๓ เดือน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาว่าศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยทั้งสองฐานมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายกระทงหนึ่ง และฐานจำหน่ายเฮโรอีนอีกกระทงหนึ่งได้หรือไม่ ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยทั้งสองมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายจำนวน ๕.๖๔ กรัม และจำเลยทั้งสองจำหน่ายเฮโรอีนอีกจำนวนหนึ่งให้แก่ผู้อื่น ดังนั้นเฮโรอีนที่จำเลยทั้งสองจำหน่ายไปมิใช่เฮโรอีนที่จำเลยทั้งสองมีไว้เพื่อจำหน่าย แต่เป็นเฮโรอีนคนละจำนวนกัน เฮโรอีนที่มีไว้เพื่อจำหน่ายจำนวน ๕.๖๔ กรัมได้มาเป็นของกลาง แต่เฮโรอีนที่จำเลยทั้งสองจำหน่ายไปอีกจำนวนหนึ่งไม่ได้มาเป็นของกลาง ได้เงินสด ๑๗๔ บาทที่ได้จากการจำหน่ายเฮโรอีนนั้นมาเป็นของกลาง โจทก์ได้บรรยายฟ้องชัดเจนว่าเฮโรอีนที่จำเลยทั้งสองมีไว้เพื่อจำหน่ายนั้นจำนวนหนึ่ง และเฮโรอีนที่จำเลยทั้งสองจำหน่ายไปให้แก่ผู้อื่นนั้นมีอีกจำนวนหนึ่ง เพื่อแสดงว่าจำเลยทั้งสองกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน เห็นว่าการกระทำของจำเลยทั้งสองแยกได้เป็น ๒ กระทง แต่ละกระทงเป็นความผิดตามกฎหมาย ถึงแม้ว่ากฎหมายจะบัญญัติความผิดดังกล่าวไว้ในมาตราเดียวกัน แต่การกระทำความผิดอาจแยกเป็นกระทง ๆ ได้ ซึ่งแล้วแต่ข้อเท็จจริงแห่งคดีและการบรรยายฟ้องของโจทก์ประกอบกัน จากข้อเท็จจริงในคดีปรากฎว่าจำเลยทั้งสองกระทำความผิดหลังจากที่ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๑ ลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ มีผลใช้บังคับแล้ว ตามประกาศดังกล่าว ข้อ ๒ ได้แก้ไขยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ โดยให้ลงโทษผู้กระทำการอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป แม้คดีนี้โจทก์จะมิได้อ้างประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ มาในคำขอท้ายฟ้อง แต่โจทก์ก็ได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้งสองกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรม ดังนั้นศาลมีอำนาจเรียงกระทงลงโทษจำเลยทั้งสองฐานมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเฮโรอีนได้
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๔๖๕ มาตรา ๔ ทวิ และมาตรา ๒๐ ทวิ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๐๔ มาตรา ๔ และมาตรา ๖ ให้ลงโทษเรียงกระทงความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย และฐานจำหน่ายเฮโรอีนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ แก้ไขโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๑ ข้อ ๒ ส่วนการกำหนดโทษและลดโทษนั้นให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ของกลางริบ