คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 136/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทำสัญญาจะขายที่ดินให้บิดาโจทก์และได้รับเงินมัดจำไปแล้ว โดยตกลงกันว่าจะไปทำสัญญาซื้อขายกันที่อำเภอภายใน 120 วัน ถ้าจำเลยผิดสัญญา จำเลยยอมคืนเงินมัดจำและยอมให้ปรับด้วยนั้น การที่มิได้ปฏิบัติการซื้อขายภายในกำหนดเวลาดังกล่าวเพราะบิดาโจทก์อพยพย้ายภูมิลำเนาไปอยู่ที่อื่นโดยไม่ได้แจ้งให้จำเลยทราบทั้งไม่ได้มาขอปฏิบัติการชำระหนี้ภายในกำหนด ซ้ำยังปล่อยเวลาให้ล่วงพ้นไปเป็นเวลาถึง 6 ปีเศษนั้นตามพฤติการณ์ถือได้ว่าคู่สัญญาตกลงเลิกสัญญาจะซื้อขายโดยไม่ติดใจเรียกร้องอะไรแก่กันแล้วจำเลยจึงมีสิทธิที่จะริบเงินมัดจำและไม่ต้องเสียเบี้ยปรับให้โจทก์ด้วย(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 22/2508)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ทำหนังสือสัญญาจะขายที่ดิน 1 แปลงให้แก่นายทองหล่อบิดาโจทก์เป็นเงิน 7,300 บาท จำเลยรับเงินมัดจำไปแล้ว 7,000 บาท จำเลยขอผัดผ่อนให้เจ้าพนักงานได้รับรองการทำประโยชน์เสียก่อน ต่อมานายทองหล่อตาย โจทก์ในฐานะผู้รับมรดกได้เตือนให้จำเลยโอนขายที่ดินให้โจทก์ จำเลยก็ขอผัดผ่อนต่อไปอีกจนกระทั่งจำเลยได้ร้องขอขายที่ดินพิพาทนี้ให้แก่บุคคลอื่น โจทก์จึงร้องคัดค้านไว้ ขอให้บังคับจำเลยโอนขายที่ดินแปลงนี้ให้โจทก์มิฉะนั้นก็ให้คืนมัดจำและเสียเบี้ยปรับให้โจทก์อีก 7,300 บาท ด้วย

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยโอนที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ ถ้าจำเลยไม่สามารถจะทำสัญญาซื้อขายให้โจทก์ได้ ให้จำเลยคืนเงินมัดจำ 7,000 บาทแก่โจทก์ และให้เบี้ยปรับ 7,300 บาท แก่โจทก์ด้วย

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยทำการโอนที่ดินรายนี้แก่โจทก์ในเมื่อโจทก์ได้ชำระราคาที่ดินที่ยังชำระไม่ครบให้แก่จำเลยอีก 4,300 บาท หากจำเลยไม่สามารถจะขายให้โจทก์ได้ ให้จำเลยคืนเงินมัดจำ 3,000 บาทแก่โจทก์พร้อมทั้งชำระเบี้ยปรับให้โจทก์ 2,300 บาทด้วย

โจทก์และจำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยกับนายทองหล่อทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินพิพาทกันเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2495 นายทองหล่อชำระเงินมัดจำให้จำเลยไว้ 3,000 บาท นายทองหล่อเข้าอยู่ในที่พิพาทได้เดือนเศษก็อพยพย้ายภูมิลำเนาไปอยู่ที่อื่น โดยจำเลยไม่สามารถจะทราบได้ว่าไปอยู่ ณ ที่ใด นายทองหล่อหรือทายาทก็มิได้ติดต่อกับจำเลยจนนายทองหล่อถึงแก่กรรมเมื่อ พ.ศ. 2497 ต่อมาวันที่ 24 พฤศจิกายน 2502 จำเลยจึงได้ร้องขอขายที่ดินรายนี้ให้นายพุก โจทก์ผู้เป็นบุตรของนายทองหล่อจึงคัดค้านและมาฟ้องเป็นคดีนี้

การที่มิได้ปฏิบัติการซื้อขายกันภายใน 120 วันนับแต่วันทำสัญญานี้ เป็นเพราะนายทองหล่ออพยพย้ายภูมิลำเนาไปอยู่ที่อื่นโดยไม่ได้แจ้งให้จำเลยทราบ ทั้งไม่ได้มาขอปฏิบัติการชำระหนี้ภายในกำหนด ซ้ำยังปล่อยเวลาให้ล่วงพ้นไปเป็นแรมปีถึง 6 ปีเศษ เช่นนี้ มติที่ประชุมใหญ่ของศาลฎีกาเห็นว่าตามพฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าคู่สัญญาตกลงเลิกสัญญาจะซื้อขายโดยไม่ติดใจเรียกร้องอะไรแก่กันแล้ว จำเลยจึงมีสิทธิที่จะริบเงินมัดจำได้และไม่ต้องเสียเบี้ยปรับให้โจทก์ พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์.

Share