คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1357/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องจำเลยฐานฉ้อโกงโดยกล่าวว่า เมื่อวันที่ 3 พ.ย.2496 จำเลยเอาที่ดินซึ่งอ้างว่าเป็นของจำเลยมาประกันเงินกู้โจทก์หลงเชื่อจึงให้จำเลยกู้เงินไปและจำเลยได้เขียนระบุที่ดินนั้นไว้ในสัญญากู้ด้วย ความจริงปรากฎต่อมาว่าที่ดินนั้นเป็นของผู้อื่น
สำหรับกรณีเช่นนี้ ไม่จำเป็นต้องระบุว่าเกิดเหตุเวลากลางวันหรือกลางคืน เพราะกิจการที่กล่าวอ้างในฟ้องเป็นเครื่องแสดงให้บังเกิดความหมายและเข้าใจได้แล้วซึ่งจำเลยเองก็มิได้ปฏิเสธความข้อนี้ และจำเลยยอมรับว่าได้ทำสัญญากู้ให้โจทก์ไว้จริงซึ่งหมายความทำกันในวันนั้น หากแต่โต้เถียงว่ามิได้หลอกลวงซึ่งเป็นข้อเท็จจริงส่วนหนึ่งจะเรียกว่าโจทก์ฟ้องเคลือบคลุม(เพราะไม่มีเวลาเกิดเหตุ) ไม่ได้

ย่อยาว

เรื่อง ฉ้อโกง
โจทก์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ ๓ พ.ย.๒๔๙๖ จำเลยได้มากู้เงินโจทก์ ๒๐๖๐ บาท โดยจำเลยได้พูดกับโจทก์ว่า จำเลยจะเอาที่ดินของจำเลยแปลงเนื้อที่ ๙ ไร่ ยังไม่มีโฉนด และระบุเขตติดต่อของที่ดินซึ่งจำเลยอ้างว่าเป็นของจำเลยมาเป็นประกันการกู้เงิน และจำเลยว่าที่ดินแปลงนี้ไม่มีภาระติดพัน โจทก์เชื่อโดยสุจริตว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของจำเลย จึงยอมให้จำเลยกู้เงิน และให้จำเลยเขียนสัญญากู้และลงที่ดินแปลงที่จำเลยว่านั้นไว้ในสัญญากู้เพื่อเป็นหลักฐานการกู้เงินด้วย ต่อมาจำเลยไม่นำเงินมาชำระ โจทก์จึงฟ้องศาลจำเลยยอมความ แต่แล้วก็ไม่นำเงินมาชำระ โจทก์นำเจ้าพนักงานยึดที่ดินแปลงนั้นเพื่อขายทอดตลาดเอาเงินใช้หนี้ นางแก้วภรรยาจำเลยร้องขัดทรัพย์โจทก์ โจทก์พึ่งทราบว่าความจริงที่ดินนั้นเป็นของนางแก้ว จำเลยหลอกลวงให้โจทก์หลงเชื่อว่าที่ดินเป็นของจำเลย ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา ๓๐๔,๓๐๖
จำเลยให้การปฏิเสธว่ามิได้หลอกลวงโจทก์
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ฟ้องโจทก์มิได้ระบุเวลาที่จำเลยกระทำผิด เป็นฟ้องเคลือบคลุมตาม ป.วิ.อาญา มาตรา ๑๕๘(๕) พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยพิพากษาคดีต่อไปตามรูปความ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาพิเคราะห์ฟ้องของโจทก์แล้ว เห็นว่า ฟ้องโจทก์ได้กล่าวถึงการกระทำทั้งหลายของจำเลยซึ่งอ้างว่าเป็นการกระทำผิด ข้อเท็จจริงและรายละเอียดทั้งปวง เกี่ยวด้วยเวลาและสถานที่ของการกระทำอย่างสมบูรณ์ เพียงพอที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อกล่าวหาได้เป็นอย่างดีแล้ว ตัวจำเลยเองก็มิได้กล่าวคำให้การว่าติดใจสงสัยข้อกล่าวหาของโจทก์ว่าเคลือบคลุมไม่เข้าใจข้อไหน
ส่วนที่ศาลชั้นต้นว่า โจทก์มิได้กล่าวถึงเวลาที่จำเลยกระทำผิดนั้น โจทก์ได้กล่าวถึงวันกระทำผิดของจำเลยไว้แล้ว คือวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๔๙๖ สำหรับกรณีเช่นนี้ ไม่จำเป็นต้องระบุว่าเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืนกิจการที่กล่าวอ้างในฟ้องเป็นเครื่องแสดงให้บังเกิดความหมายและเข้าใจได้แล้ว ซึ่งจำเลยเองก็มิได้ปฏิเสธความข้อนี้ และยอมรับว่าได้ทำหนังสือสัญญากู้ให้โจทก์ไว้จริง ซึ่งหมายความทำกันในวันนั้น หากแต่โต้เถียงว่ามิได้หลอกลวง ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงส่วนหนึ่ง จะเรียกว่าโจทก์ฟ้องเคลือบคลุมไม่ได้ พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์

Share