คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1356/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์จำเลยตกลงทำสัญญายอมหย่าขาดจากการเป็นสามีภรรยากันและจำเลยยอมจ่ายค่าเลี้ยงดูให้โจทก์ 50,000 บาท ปรากฏในบันทึกประจำวันของสถานีตำรวจภูธร อำเภอชุมแพ บันทึกดังกล่าวมีลักษณะเป็นทั้งสัญญาหย่าและสัญญาประนีประนอมยอมความที่จะจ่ายค่าเลี้ยงชีพให้โจทก์เมื่อหย่ากันแล้ว และคู่กรณีอาจตกลงกันให้ชำระค่าเลี้ยงชีพครั้งเดียวเป็นจำนวนเงินตามที่ตกลงกันได้ จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องจ่ายค่าเลี้ยงชีพ 50,000 บาทให้โจทก ตามสัญญาประนีประนอมยอมความที่ได้ทำไว้นั้น
สัญญาที่จำเลยยอมจ่ายเงินให้โจทก์ 50,000 บาทนี้ เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความเกี่ยวกับค่าเลี้ยงชีพของโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1526 ซึ่งหมายถึงเงินเลี้ยงชีพหลังจากที่ได้หย่าขาดจากการเป็นสามีภรรยากันแล้ว จึงไม่ใช่สัญญาที่เกี่ยวกับทรัพย์สินระหว่างเป็นสามีภรรยากันตามมาตรา 1469 จำเลยไม่มีสิทธิอ้างมาตรานั้นมาเป็นเหตุบอกล้างสัญญานี้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยจดทะเบียนสมรสกันเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๖ ต่อมาวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๑๙ ได้ตกลงหย่าขาดจากกันโดยบันทึกไว้ในรายงานประจำวันของสถานีตำรวจภูธร อำเภอชุมแพว่า โจทก์จำเลยสมัครใจจดทะเบียนหย่าขาดจากกันและจำเลยยอมให้ค่าเลี้ยงดูโจทก์ ๕๐,๐๐๐ บาท ต่อมาจำเลยยื่นฟ้องหย่าต่อศาล ศาลสั่งจำหน่ายคดีเพราะเห็นว่าโจทก์จำเลยยอมหย่ากันอยู่แล้ว จำเลยนำรายงานกระบวนพิจารณาของศาลไปยื่นต่อนายทะเบียนให้จดทะเบียนการหย่าโดยสมบูรณ์แล้ว แต่จำเลยไม่ยอมจ่ายเงิน ๕๐,๐๐๐ บาท ให้โจทก์ตามที่สัญญา โจทก์จึงนำคดีมาฟ้อง
จำเลยหให้การว่า จำเลยได้ทำสัญญาจะจ่ายเงินค่าเลี้ยงดูให้โจทก์ ๕๐,๐๐๐ บาท ตามบันทึกรายงานประจำวันที่โจทก์นำมาฟ้องจริง แต่จำเลยได้มีหนังสือบอกล้างสัญญาตามบันทึกดังกล่าวนั้นแล้ว สัญญาจึงเป็นอันสิ้นผลผูกพันไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๔๖๙ ทั้งโจทก์มิได้ฟ้องแย้งมาในคดีที่จำเลยฟ้องหย่า โจทก์จึงหมดสิทธิเรียกร้องเงินค่าเลี้ยงดู ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้จำเลยชำระเงิน ๕๐,๐๐๐ บาทให้โจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า บันทึกดังกล่าวมีลักษณะเป็นทั้งสัญญาหย่าและสัญญาประนีประนอมยอมความที่จะจ่ายเงินค่าเลี้ยงชีพให้โจทก์เมื่อหย่ากันแล้ว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๕ ที่ได้ตรวจชำระใหม่ พ.ศ. ๒๕๑๙ มาตรา ๑๕๑๔, ๑๕๒๖ ซึ่งให้นำบทบัญญัติมาตรา ๑๕๙๘/๔๐ มาบังคับโดยอนุโลม และตามมาตรา ๑๕๙๘/๔๐ ผู้กรณีอาจตกลงกันให้ชำระค่าเลี้ยงดูครั้งเดียวเป็นเงินจำนวนตามที่ตกลงกันก็ย่อมทำได้ดังนี้จำเลยได้ตกลงชำระให้โจทก์เป็นเงิน ๕๐,๐๐๐ บาทในคดีนี้ ฉะนั้น จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องจ่ายค่าเลี้ยงชีพ ๕๐,๐๐๐ บาท ให้โจทก์ตามสัญญาประนีประนอมที่ได้ทำไว้นั้น
ที่จำเลยฎีกาว่าสัญญาที่จำเลยยอมจ่ายเงินให้โจทก์ ๕๐,๐๐๐ บาท เป็นสัญญาระหว่างสมรส เมื่อจำเลยบอกล้างตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๑๔๖๙ แล้ว จำเลยไม่ต้องชำระนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าสัญญาที่จำเลยยอมจ่ายเงินให้โจทก์ ๕๐,๐๐๐ บาทนี้ เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความเกี่ยวกับค่าเลี้ยงชีพของโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๕๒๖ ซึ่งหมายถึงเงินค่าเลี้ยงชีพหลังจากที่ได้หย่าขาดจากการเป็นสามีภรรยากันแล้วหาใช่สัญญาที่เกี่ยวกับทรัพย์สินระหว่างเป็นสามีภรรยากันตามมาตรา ๑๔๖๙ ไม่ จำเลยไม่มีสิทธิอ้างมาตรา ๑๔๖๙ มาเป็นเหตุบอกล้างสัญญานี้ไม่
พิพากษายืน

Share