คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1355/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในระหว่างสืบพยานโจทก์ โจทก์ยื่นคำร้องว่าฟ้องโจทก์หน้าแรกตรงข้อความว่า “ข้าพเจ้าพนักงานอัยการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โจทก์ขอยื่นฟ้อง (1)… จำเลย” นั้น ยังมิได้เติมชื่อจำเลยลงไป ด้วยความพลั้งเผลอ จึงขอเติมชื่อจำเลยในช่องว่างเป็นว่า “นายดวง จิตชุ่ม” จำเลยนั้นเห็นว่าฟ้องของโจทก์ในช่องคดีระหว่างใครโจทก์ ใครจำเลยนั้น โจทก์ได้ระบุชื่อนายดวง จิตชุ่ม เป็นจำเลยไว้แล้ว เพียงแต่โจทก์พิมพ์ตกชื่อจำเลยในฟ้องหน้าแรก บรรทัดที่ 10 เท่านั้น ส่วนที่อยู่ ชาติและบังคับของจำเลยในบรรทัดต่อไปโจทก์ก็พิมพ์ไว้ครบถ้วน ทั้งในฟ้องหน้า 2 ตอนท้าย โจทก์ก็ได้ระบุว่าจำเลยต้องขังตามหมายขังของศาล ฟ้องของโจทก์จึงไม่มีทางที่จะให้เข้าใจผิดไปว่า โจทก์มิได้ฟ้องจำเลย จำเลยเองก็ดำเนินการต่อสู้คดีตลอดมาโดยมิได้หลงข้อต่อสู้แต่ประการใด การที่โจทก์ขอเพิ่มเติมฟ้องเช่นนี้ จึงเป็นการเพิ่มเติมรายละเอียดซึ่งมิได้กล่าวในฟ้องด้วยความพลั้งเผลอ และไม่ได้ทำให้จำเลยเสียเปรียบในการต่อสู้คดี สมควรอนุญาตให้โจทก์เพิ่มเติมฟ้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 163, 164

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องจำเลยในข้อหาพยายามฆ่า ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลสืบพยานโจทก์ได้สามปากยังไม่หมดพยานโจทก์ โจทก์ยื่นคำร้องว่า ฟ้องโจทก์หน้าแรกตรงข้อความว่า “ข้าพเจ้าพนักงานอัยการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โจทก์ ขอยื่นฟ้อง (๑)… จำเลย” นั้นยังมิได้เติมชื่อจำเลยลงไปด้วยความพลั้งเผลอ ฉะนั้น โดยคำร้องนี้โจทก์จึงขอเพิ่มเติมฟ้องโจทก์ในข้อความดังกล่าวเป็นว่า นายดวง จิตชุ่ม จำเลย นอกนั้นขอถือตามฟ้องเดิม ศาลชั้นต้นสั่งส่งสำเนาให้จำเลย จำเลยแถลงคัดค้านว่าทำให้จำเลยเสียเปรียบไม่ควรให้โจทก์เพิ่มเติมฟ้อง
ศาลชั้นต้นเห็นว่าการขาดชื่อจำเลยในฟ้องสารสำคัญ ทำให้จำเลยเสียเปรียบได้จึงมีคำสั่งไม่อนุญาตให้โจทก์เพิ่มเติมฟ้องแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า การที่โจทก์ขอเพิ่มเติมฟ้องเช่นนี้เป็นการเพิ่มเติมในรายละเอียดซึ่งไม่ได้กล่าวไว้ในฟ้องด้วยความพลั้งเผลอและไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบหรือหลงข้อต่อสู้ อนุญาตให้โจทก์เพิ่มเติมฟ้องได้ ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าฟ้องของโจทก์ในช่องคดีระหว่างใครโจทก์ใครจำเลย นั้น โจทก์ได้ระบุชื่อนายดวง จิตชุ่ม เป็นจำเลยไว้แล้วเพียงแต่โจทก์พิมพ์ตกชื่อจำเลยในฟ้องหน้าแรกบรรทัดที่ ๑๐ เท่านั้น ส่วนที่อยู่ ชาติ และบังคับของจำเลยในบรรทัดต่อไป โจทก์ก็พิมพ์ไว้ครบถ้วนทั้งในฟ้องหน้า ๒ ตอนท้าย โจทก์ยังได้กล่าวเท้าความไว้อีกว่าจำเลยนี้ต้องขังอยู่ตามหมายขังของศาลในคดีอาญาหมายเลขดำที่ พ.๖๓/๒๕๑๓ ขอให้ศาลเบิกตัวจำเลยมาพิจารณาพิพากษาต่อไป ซึ่งในสำนวนคดีอาญาหมายเลขดำที่ พ.๖๓/๒๕๑๓ ก็ระบุชื่อนายดวง จิตชุ่ม เป็นผู้ต้องหา ฟ้องของโจทก์จึงไม่มีทางที่จะให้เข้าใจผิดไปว่าโจทก์มิได้ฟ้องจำเลย จำเลยเองก็ดำเนินการต่อสู้คดีตลอดมาโดยมิได้หลงข้อต่อสู้แต่ประการใด ดังนั้น การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องโดยเติมชื่อจำเลยลงไปในบรรทัดที่ ๑๐ ของฟ้องหน้าแรกนั้นจึงเป็นเพียงการเพิ่มเติมรายละเอียดซึ่งมิได้กล่าวในฟ้องโดยความพลั้งเผลอของโจทก์ และมิได้ทำให้จำเลยเสียเปรียบในการต่อสู้คดี กรณีมีเหตุสมควรที่จะอนุญาตให้โจทก์เพิ่มเติมฟ้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๖๓, ๑๖๔ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยอนุญาตให้โจทก์เพิ่มเติมฟ้องได้และให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานโจทก์จำเลยต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดีนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share