คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1354/2521

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

เด็กอายุ 12 ปี เรียนชั้น ป.6 ในโรงเรียนของจำเลยที่ 2 ซึ่งจำเลยที่ 1 เป็นครูใหญ่ ขึ้นมาเล่นกับเด็กอื่นและกระโดดขึ้นไปบนขอบหน้าต่างห้องเรียนชั้น 3 ตามอย่างเด็กอื่น แล้วตกลงไปตายเอง มิใช่จำเลยใช้เด็กนั้นขึ้นไปทำความสะอาดที่ห้องชั้น 3 การดูแลไม่ทั่วถึงไม่เป็นการทำให้เกิดการละเมิดขึ้นโดยตรง ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นบิดาของเด็กนั้น

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยมิได้ทำละเมิดต่อโจทก์พิพากษายกฟ้อง โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นฟังเป็นยุติได้ว่าเนื่องจากโรงเรียนรุ่งเรืองอุปถัมภ์ (กรุงเทพฯ) จะมีงานฉลองอาคารเรียนตึกสามชั้นใหม่ในวันที่ 5 สิงหาคม 2516 ทางโรงเรียนจึงเตรียมจัดสถานที่และทำความสะอาดอาคารเรียนดังกล่าวขึ้นในวันที่ 2 สิงหาคม 2516 โดยให้นักเรียนมาช่วยทำความสะอาด เด็กชายอาทิตย์บุตรโจทก์ซึ่งเรียนอยู่ชั้นประถมปีที่ 6 ได้มาร่วมทำความสะอาดด้วยคนหนึ่ง และได้ตกจากหน้าต่างห้องเรียนชั้นประถมปีที่ 2 ง. ของอาคารเรียนตึกชั้นสามใหม่ลงมาชั้นล่างถึงแก่ความตายที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ในเวลาต่อมา

มีปัญหาแรกที่จะต้องวินิจฉัยว่า การที่เด็กชายอาทิตย์บุตรโจทก์ตกจากหน้าต่างอาคารเรียนของตึกสามชั้นลงมาถึงแก่ความตายนั้น จำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์ในฐานละเมิดหรือไม่

ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์ไม่มีพยานมาสืบให้เห็นว่า จำเลยที่ 1หรือครูซึ่งจำเลยที่ 1 มอบหมายให้เป็นผู้ควบคุมดูแลการทำความสะอาดโรงเรียนได้สั่งให้เด็กชายอาทิตย์ผู้ตายไปทำความสะอาดที่ห้องเรียนชั้นประถมปีที่ 2 ง. ของอาคารเรียนตึกสามชั้นใหม่ที่ผู้ตายตกลงมาถึงแก่ความตายเลยและได้ความจากคำเบิกความของเด็กชายอนุพงษ์พยานโจทก์ซึ่งอยู่ในห้องเรียนใกล้ ๆ ที่ผู้ตายตกลงมาว่า การทำความสะอาดห้องเรียนดังกล่าว ครูได้สั่งให้เด็กชายอนุพงษ์ เด็กชายอุดม ม้ากาบแก้ว เด็กชายภาสกร เด็กชายนริส และเด็กชายมานพ รวม 5 คนเท่านั้นเป็นผู้ทำโดยไม่มีผู้ตาย ซึ่งเจือสมคำเบิกความของเด็กชายอุดมพยานจำเลย จึงเห็นได้ชัดว่าการทำความสะอาดห้องเรียนชั้นประถมปีที่ 2 ง. นี้ไม่มีครูคนใดเป็นผู้สั่งให้ผู้ตายไปทำ คดีจึงน่าเชื่อว่าครูได้สั่งผู้ตายให้มีหน้าที่ทำความสะอาดสนามหน้าโรงเรียนดังที่จำเลยนำสืบและที่นางประยูรเบิกความว่าหลังเกิดเหตุเด็กชายอนุพงษ์เล่าให้ฟังว่าก่อนผู้ตายจะตกจากหน้าต่าง เด็กชายอนุพงษ์เห็นผู้ตายยืนเช็ดหน้าต่างอยู่ก็รับฟังไม่ได้เพราะขัดกับคำเบิกความของเด็กชายอนุพงษ์ กล่าวคือ เด็กชายอนุพงษ์เบิกความว่าไม่เห็นผู้ตายตกจากหน้าต่างลงไปเพราะเหตุใด เพิ่งรู้ว่าผู้ตายตกหน้าต่างตอนเด็กชายอุดมร้องว่าผู้ตายตกหน้าต่างไปแล้ว นอกจากนี้เมื่อเกิดเหตุแล้วร้อยตำรวจโทจรูญพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนเด็กชายอุดมก็ได้ความสมคำเบิกความของเด็กชายอุดมว่าผู้ตายได้ขึ้นมาเล่นด้วย และได้มีการกระโดดขึ้นไปบนขอบหน้าต่างห้องเรียนตามอย่างกัน รูปคดีจึงน่าเชื่อว่าการที่ผู้ตายตกหน้าต่างห้องเรียนลงไปถึงแก่ความตายนั้น เป็นเพราะผู้ตายขึ้นมาเล่นกับเด็กชายอุดมกับพวกและกระโดดขึ้นไปบนขอบหน้าต่างห้องเรียนตามอย่างคนอื่น แล้วตกลงไปถึงแก่ความตายเอง ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อฟังว่าจำเลยที่ 1 หรือครูซึ่งจำเลยที่ 1 มอบหมายให้เป็นผู้ควบคุมดูแลการทำความสะอาดไม่ได้สั่งให้ผู้ตายไปทำความสะอาดที่ห้องเรียนชั้นประถมปีที่ 2 ง. แต่ผู้ตายขึ้นไปเล่นแล้วตกลงมาดังกล่าว จึงไม่เป็นละเมิดและการที่ผู้ตายขึ้นไปเล่นก่อนตกลงมาถึงแก่ความตาย เป็นเพียงการดูแลไม่ทั่วถึง ไม่ถึงกับเป็นการทำให้เกิดการละเมิดขึ้นโดยตรง จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์”

พิพากษายืน

Share