แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ที่พิพาทเป็นที่ว่างยังไม่ได้มีการปลูกสร้าง และไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ดิน แต่ปรากฏว่าอยู่ริมถนนหลวงในเขตเทศบาลและมีบ้านเรือนปลูกอยู่แล้วโดยรอบที่นี้จึงมีลักษณะเป็นที่บ้าน
บิดาโจทก์ได้ทำสัญญาขายที่พิพาทซึ่งไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ให้แก่จำเลย ทั้งยังได้ลงชื่อจำเลยไว้ในใบไต่สวนเพื่อรับโฉนดในภายหลัง และมอบให้จำเลยครอบครองโดยเปิดเผย ดังนี้ ตามพฤติการณ์แห่งรูปคดีเป็นที่พึงสันนิษฐานได้ว่า ถ้าคู่กรณีได้รู้ว่าหนังสือสัญญานี้ไม่สมบูรณ์ เป็นสัญญาซื้อขาย ก็คงจะได้ตั้งใจให้สมบูรณ์เป็นสัญญาจะขาย กรณีเข้าลักษณะตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 136
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินบ้านแปลงหนึ่งเป็นของ ร.ต.ต.นุ่มบิดาโจทก์บัดนี้ ร.ต.ต.นุ่มวายชนม์แล้ว จำเลยที่ 1 ประกาศขอโอนขายให้แก่จำเลยที่ 2 ขอให้ศาลแสดงว่าที่บ้านรายนี้เป็นของ ร.ต.ต.นุ่ม และตกเป็นมรดกได้แก่โจทก์ จำเลยต่อสู้ว่า ที่พิพาทเป็นที่มือเปล่า ร.ต.ต.นุ่มได้ขายให้แก่จำเลยที่ 1 และยังได้นำเจ้าพนักงานที่ดินไปรังวัดใส่ชื่อจำเลยที่ 1 ไว้ในใบไต่สวนเพื่อรับโฉนดในภายหลังทั้งมอบให้จำเลยเข้าครอบครองโดยเปิดเผยเป็นเวลา 4 ปี จำเลยย่อมได้สิทธิตามกฎหมาย และฟ้องแย้งขอศาลบังคับให้โจทก์ทำนิติกรรมโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่จำเลยที่ 1 ด้วยโจทก์แก้ฟ้องแย้งว่าสัญญาที่จำเลยอ้างเป็นสัญญาปลอมมิฉะนั้นเป็นโมฆะตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 จำเลยใช้สิทธิครอบครองไม่ถึง 10 ปี ยังไม่ได้กรรมสิทธิ์ นางเกลื่อน นางสาวประคองภริยาและบุตรี ร.ต.ต.นุ่มขออนุญาตเป็นโจทก์ร่วม ศาลอนุญาต ศาลชั้นต้นฟังว่าบิดาโจทก์ได้ขายและมอบการครอบครองให้แก่จำเลยแล้ว เป็นการแสดงเจตนาสละสละสิทธิครอบครองให้แก่จำเลย ๆ ย่อมได้สิทธิพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์ฟังว่าที่พิพาทเป็นที่บ้าน จำเลยที่ 1 ซื้อจากบิดาโจทก์โดยทำหนังสือกันเอง นิติกรรมตกเป็นโมฆะ พิพากษากลับว่าที่พิพาทยังเป็นของ ร.ต.ต.นุ่มผู้วายชนม์เป็นมรดกตกได้แก่ทายาทโดยธรรมให้จำเลยส่งที่ดินคืนโจทก์ผู้เป็นทายาท ร.ต.ต.นุ่ม กับห้ามมิให้จำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องในที่พิพาทและยกฟ้องแย้ง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า แม้ที่รายนี้จะเป็นที่ว่าง ยังมิได้การปลูกสร้างและไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ดินก็ดี แต่ปรากฏอยู่ว่าอยู่ริมถนนหลวงในเขตเทศบาลเดิมเป็นส่วนหนึ่งของที่บ้าน นายพลับปู่โจทก์ และมีบ้านเรือนอยู่แล้วโดยรอบที่นี้ จึงมีลักษณะเป็นที่บ้านหนังสือสัญญาที่ ร.ต.ต.นุ่มทำให้แก่จำเลยที่ 1 ตามพฤติการณ์แห่งรูปคดีเป็นที่พึงสันนิษฐานได้ว่า ถ้าคู่กรณีได้รู้ว่า หนังสือสัญญานี้ไม่สมบูรณ์เป็นสัญญาซื้อขาย ก็คงจะได้ตั้งใจให้สมบูรณ์เป็นสัญญาจะขาย และจะมาทำพิธีโอนให้ภายหลัง โดย ร.ต.ต.นุ่มผู้ขายได้แสดงเจตนาให้ประจักษ์อยู่หลายประการ เช่น มอบการครอบครองให้จำเลย ถ้าจำเลยพาเจ้าพนักงานให้ลงชื่อจำเลยในใบไต่สวนกรณีจึงเข้าลักษณะตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 136
พิพากษากลับ ให้โจทก์ทำนิติกรรมโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทให้แก่จำเลยที่ 1