คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1352/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์จำเลยทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ต่อมาโจทก์มีหนังสือบอกเลิกสัญญาและจำเลยได้มีหนังสือตอบรับการบอกเลิกสัญญาดังกล่าว เมื่อมีการบอกเลิกสัญญา โจทก์จำเลยก็กลับคืนสู่ฐานะเดิม ดังนั้น การกระทำใด ๆ ของโจทก์จำเลยเกี่ยวกับสัญญานี้ในเวลาต่อมา จึงเป็นเพียงคำเสนอขึ้นใหม่ เมื่อไม่มีการสนองตอบ ย่อไม่ก่อให้เกิดผลแต่อย่างใด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาจะขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้แก่โจทก์ โดยโจทก์ชำระเงินบางส่วนให้จำเลย จำเลยยอมให้โจทก์เข้าครอบครองทรัพย์สินได้ทันทีต่อมาจำเลยไม่สามารถจัดการโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่โจทก์ได้ จึงขอให้ศาลบังคับ
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า ได้ทำสัญญาตามฟ้องจริง แต่การโอนกรรมสิทธิ์ไม่อาจกระทำได้โดยไม่ใช่ความผิดของจำลย โจทก์มีหนังสือบอกเลิกสัญญาดังกล่าวและจำเลยมีหนังสือตอบรับการบอกเลิกสัญญาแล้ว แต่ต่อมาจำเลยยังได้ให้โอกาสแก่โจทก์โดยมีหนังสือให้โจทก์นำเงินที่เหลือมาชำระใน ๗ วัน จำเลยจะโอนที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ให้โจทก์ ไม่ปฏิบัติตาม โจทก์ไม่ยอมออกจากที่ดิน ทำให้จำเลยได้รับความเสียหาย จึงขอให้บังคับโจทก์ออกจากที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และใช้ค่าเสียหายแก่จำเลย
โจทก์ให้การฟ้องแย้งว่า จำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญา
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์จำเลยยังไม่ได้บอกเลิกสัญญากัน พิพากษาให้จำเลยไปจัดการโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่โจทก์ และรับเงินที่ยังค้างชำระไป
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์ได้มีหนังสือบอกเลิกสัญญากับจำเลย และจำเลยได้ตอบรับการบอกเลิกสัญญาแล้ว วินิจฉัยข้อกฎหมายว่า โจทก์จำเลยทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ต่อมาโจทก์มีหนังสือบอกเลิกสัญญา ซึ่งจำเลยก็ได้มีหนังสือตอบรับการบอกเลิกสัญญาดังกล่าว เมื่อมีการบอกเลิกสัญญากัน คู่กรณีก็กลับคืนสู่ฐานะเดิม การกระทำใด ๆ ของโจทก์จำเลยเกี่ยวกับสัญญานี้ต่อมา (จำเลยมีหนังสือให้โอกาสโจทก์นำเงินมาชำระใน ๗ วัน) เป็นเพียงคำเสนอขึ้นใหม่ เมื่อไม่มีการสนองตอบ จึงไม่ก่อให้เกิดผลแต่อย่างใด โจทก์ไม่มีสิทธิ์บังคับให้จำเลยโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและทรัพย์พิพาทให้แก่โจทก์
พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์ออกจากที่พิพาทและใช้ค่าเสียหายแก่จำเลย ให้จำเลยคืนเงินที่รับไปจากโจทก์

Share