คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 13516/2553

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำให้การของจำเลยที่ยื่นต่อศาลชั้นต้นมีใจความว่า จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องโจทก์ แต่จำเลยขอแถลงข้อเท็จจริงต่อศาลเป็นเรื่องจริงของคดีนี้ คือ จำเลยประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป วันเกิดเหตุจำเลยรับจ้าง ฮ. นำแผ่นวีซีดีมาส่งที่บริเวณคลองถม โดย ฮ. บอกจำเลยว่าเป็นแผ่นวีซีดีภาพยนตร์ทั่วๆ ไป ซึ่งออกฉายในโรงภาพยนตร์มาแล้วเหมือนกับที่เคยจ้างจำเลยมาส่งในครั้งก่อน จำเลยไม่ทราบได้ว่าเป็นแผ่นวีซีดีลามก จำเลยถูก ฮ. หลอกใช้เป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด ส่วนข้อความต่อจากนั้นจำเลยขอให้ศาลชั้นต้นลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษให้แก่จำเลย ศาลชั้นต้นจดรายงานกระบวนพิจารณาว่า จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องโจทก์ทุกประการตามคำให้การที่ยื่นต่อศาล โจทก์จำเลยแถลงไม่ติดใจสืบพยาน ดังนี้ คำให้การของจำเลยดังกล่าวเป็นเรื่องที่จำเลยรับว่าตนมีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุการณ์ ซึ่งเป็นความผิดตามฟ้องเท่านั้น จำเลยไม่รู้ข้อเท็จจริงว่าแผ่นวีซีดีของกลางเป็นวัตถุหรือสิ่งลามก เท่ากับจำเลยอ้างว่าไม่มีเจตนากระทำความผิด คำให้การของจำเลยจึงยังฟังไม่ได้ว่าเป็นคำให้การรับสารภาพว่า จำเลยกระทำผิดจริงตามที่โจทก์ฟ้อง เมื่อโจทก์ไม่สืบพยาน คดีจึงลงโทษจำเลยไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 287 ริบแผ่นวีซีดี ปกวีซีดี และรถยนต์หมายเลขทะเบียน ภว – 4578 กรุงเทพมหานคร ของกลางทั้งหมด
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่ก่อนสืบพยาน จำเลยขอถอนคำให้การเดิมและให้การใหม่เป็นรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 287 (1) ลงโทษจำคุก 1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงลงโทษจำคุก 6 เดือน พฤติการณ์ของจำเลยเป็นผู้ค้าวีซีดีลามกอนาจารรายใหญ่ มีแผ่นวีซีดีลามกและภาพปกวีซีดีจำนวนมาก โดยมีแผ่นวีซีดีลามก 5,200 แผ่น และภาพปกวีซีดีอีก 5,000 แผ่น สามารถแพร่กระจายมอมเมาสังคมได้อย่างกว้างขวาง และเป็นสาเหตุก่อให้เกิดอาชญากรรมทางเพศตามมา เพื่อหวังผลไม่ให้ผู้ค้ารายอื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่างจึงไม่สมควรรอการลงโทษ และให้ริบของกลางทั้งหมด คือแผ่นวีซีดีลามก ภาพปกวีซีดีลามกและริบรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ภว – 4578 กรุงเทพมหานคร ที่ใช้บรรทุกแผ่นวีซีดีลามกในการกระทำความผิด
จำเลยอุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คำให้การของจำเลยที่ยื่นต่อศาลชั้นต้น รับฟังเป็นคำให้การรับสารภาพว่าจำเลยได้กระทำผิดจริงตามที่โจทก์ฟ้องเพื่อลงโทษจำเลยได้หรือไม่ เห็นว่า ตามคำให้การของจำเลยที่ยื่นต่อศาลมีใจความว่า จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องโจทก์ แต่จำเลยขอแถลงข้อเท็จจริงต่อศาลเป็นเรื่องจริงของคดีนี้ คือ จำเลยประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป วันเกิดเหตุจำเลยรับจ้างเฮียเหลานำแผ่นวีซีดีมาส่งที่บริเวณคลองถม โดยเฮียเหลาบอกจำเลยว่าเป็นแผ่นวีซีดีภาพยนตร์ทั่วๆ ไป ซึ่งออกฉายในโรงภาพยนตร์มาแล้วหมือนกับที่เคยจ้างจำเลยมาส่งในครั้งก่อน จำเลยไม่อาจทราบได้ว่าเป็นแผ่นวีซีดีลามก จำเลยถูกเฮียเหลาหลอกใช้เป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด ส่วนข้อความต่อจากนั้นจำเลยขอให้ศาลชั้นต้นลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษให้แก่จำเลย ศาลชั้นต้นจดรายงานกระบวนพิจารณา จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องโจทก์ทุกประการ ปรากฏตามคำให้การจำเลยที่ยื่นต่อศาลโจทก์จำเลยแถลงไม่ติดใจสืบพยาน ดังนี้ เมื่อพิเคราะห์อ่านคำให้การจำเลยโดยรวมทั้งฉบับแล้ว เห็นว่า คำให้การของจำเลยเป็นเรื่องที่จำเลยรับว่าตนมีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุการณ์ ซึ่งเป็นความผิดตามฟ้องเท่านั้น จำเลยถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดโดยไม่รู้ข้อเท็จจริงว่าแผ่นวีซีดีของกลางเป็นวัตถุหรือสิ่งของลามก เท่ากับจำเลยอ้างว่าไม่มีเจตนากระทำความผิด คำให้การของจำเลยฟังไม่ได้ว่าเป็นคำให้การรับสารภาพว่า จำเลยกระทำผิดจริงตามที่โจทก์ฟ้อง เมื่อโจทก์ไม่สืบพยาน จึงลงโทษจำเลยไม่ได้ ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจยกฟ้องโจทก์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185 ส่วนที่โจทก์ฎีกาอ้างว่า ศาลชั้นต้นจดไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาด้วยว่า “จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องโจทก์ทุกประการตามคำให้การที่ยื่นต่อศาล” โจทก์เห็นว่าข้อต่อสู้ของจำเลยเรื่องที่อ้างว่าไม่มีเจตนาในการกระทำความผิด จำเลยได้สละข้อความดังกล่าวแล้ว ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อความในรายงานกระบวนพิจารณาไม่ปรากฏข้อความใดเลยที่ระบุว่าจำเลยสละข้อความที่ว่าจำเลยไม่ทราบได้ว่าเป็นแผ่นวีซีดีลามก จำเลยถูกเฮียเหลาหลอกใช้เป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด แต่ข้อความในรายงานกระบวนพิจารณาที่ว่า จำเลยให้การรับสารภาพตามคำให้การที่ยื่นต่อศาลนั้น กลับย้ำเน้นให้เห็นว่าจำเลยให้การรับสารภาพโดยมีรายละเอียดปรากฏอยู่ในคำให้การที่ยื่นต่อศาลไว้ ซึ่งอ่านโดยรวมแล้วได้ความว่าจำเลยอ้างว่าไม่มีเจตนากระทำความผิด ดังนี้ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share