แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คู่ความฝ่ายที่มีหน้าที่ต้องนำสืบ ระบุอ้างพยานบุคคลไว้แล้วไม่นำเข้าสืบ คงอ้างแต่คำเบิกความของพยานบุคคลเหล่านั้นที่ได้เบิกความในประเด็นเดียวกัน ไว้ในอีกคดีหนึ่งที่ตนมิได้เป็นคู่ความอยู่ด้วยนั้น หากพยานบุคคลนั้นยังมีตัวอยู่และจำเลยไม่ได้ยอมตกลงด้วยกับโจทก์ขอให้ศาลฟังข้อเท็จจริงตามที่พยานเบิกความไว้เป็นหลักฐานในการวินิจฉัยคดีนี้แล้ว ก็เป็นการอ้างลอย ๆ ไม่ผูกมัดจำเลย รับฟังสนับสนุนข้ออ้างของคู่ความฝ่ายนั้นไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกบุรุกทำลายคันนาเข้ามาในที่นาของโจทก์เนื้อที่ประมาณ ๑ งาน ขณะจำเลยบุกรุก โจทก์ป่วยเป็นโรควิกลจริต ภริยาโจทก์ได้ฟ้องจำเลย แต่ศาลพิพากษายกฟ้องโดยว่าภริยาโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ตามคดีแพ่งแดงที่ ๒๓๒/๒๕๐๑ จึงขอให้ศาลแสดงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ขับไล่จำเลยออกไป
จำเลยให้การว่า มิได้บุกรุกดังโจทก์ฟ้อง
วันนัดพร้อม คู่ความตกลงให้ถือแผนที่พิพาทในสำนวนคดีแพ่งแดงที่ ๒๓๒/๒๕๐๑ จริง โจทก์แถลงไม่ติดใจสืบพยานโดยขออ้างสำนวนคดีแพ่งดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานโจทก์ ส่วนจำเลยขอสืบพยานใหม่ ศาลอนุญาต แต่ต่อมาเมื่อโจทก์แถลงรับตามที่จำเลยขอให้ศาลสอบแล้ว จำเลยไม่ติดใจสืบพยานบุคคลต่อไป คงติดใจอ้างแต่โฉนด คำให้การพยานจำเลยบางปากในคดีแพ่งแดงที่ ๒๓๒/๒๕๐๑
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ให้ขับไล่จำเลย
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกาหลายประการ
ศาลฎีกาวินิจฉัยฎีกาของโจทก์ข้อ ๑ แล้ว เห็นว่าคู่ความในสำนวนคดีแพ่งแดงที่ ๒๓๒/๒๕๐๑ มิใช่คู่ความเดียวกับในคดีนี้ โจทก์หาว่าจำเลยบุกรุก จำเลยปฏิเสธ โจทก์ก็ต้องมีหน้าที่นำสืบพยาน เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าข้อกล่าวหาของโจทก์เป็นความจริง แต่โจทก์มิได้นำพยานบุคคลเข้าสืบ พยานบุคคลที่ภริยาโจทก์นำสืบไว้ในคดีที่โจทก์อ้างก็ไม่ปรากฎว่าตายไปแล้วหรือหาตัวไม่พบ จึงต้องถือว่าพยานบุคคลเหล่านั้นยังมีตัวอยู่ โจทก์คงอ้างแต่สำนวนดังกล่าวมาเป็นพยานเอกสาร การอ้างดังกล่าวไม่ปรากฎว่าจำเลยได้ยอมตกลงด้วยกับโจทก์ โดยขอให้ศาลฟังข้อเท็จจริงตามที่พยานบุคคลเบิกความไว้ในสำนวนเดิมที่โจทก์อ้างเป็นหลักในการวินิจฉัยคดีนี้ ฉะนั้น การอ้างสำนวนคดีดังกล่าวของโจทก์จึงเป็นการอ้างลอย ๆ ไม่ผูกมัดจำเลย จะฟังว่าจำเลยกับพวกบุกรุกนาพิพาทซึ่งโจทก์ อ้างวาเป็นของโจทก์หาได้ไม่ ไม่จำต้องวินิจฉัยปัญหาข้ออื่นต่อไป
พิพากษายืน