แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ทำสัญญาเช่าที่ดินปลูกเรือนอยู่อาศัย แม้ผู้เช่าจะรื้อเรือนเดิมแล้วปลูกขึ้นใหม่ก็ตาม สัญญาเช่าก็ไม่ระงับเพราะที่ดินอันเป็นวัตถุแห่งการเช่ายังคงมีอยู่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าที่ดินของโจทก์เพื่อปลูกเรือนอยู่อาศัย มีกำหนด ๑ ปี สิ้นอายุการเขาแล้ว จำเลยได้รื้อบ้านที่ปลูกในที่ดินของโจทก์อันเป็นวัตถุประสงค์แห่งสัญาญาเช่าเสียทั้งหมด เป็นเหตุให้สัญญาเช่าระงับลงแต่จำเลยกลับละเมิดปลูกเรือนขึ้นอีกหลังหนึ่ง เป็นเหตุให้โจทก์เสียหาย ขอให้ขับไล่
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเห็นว่า แม้จำเลยปลูกเรือนขึ้นใหม่ก็ยังได้รับความคุ้มครอง พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงปรากฏว่า จำเลยเช่าที่ดินของโจทก์สำหรับปลูกเรือนอยู่อาศัย ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน ฯ ตลอดมา แล้วจำเลยรื้อเรือนหลังเดิมในที่ดินซึ่งเช่าจากโจทก์ และปลูกเรือนหลังใหม่ขึ้นเป็นที่อยู่อาศัยต่อมา จำเลยจึงยังคงใข้ที่ดินที่เช่าจากโจทก์นั้นสำหรับปลูกสร้างเคหะอยู่นั่นเอง สัญญาเช่าที่ดินระหว่างโจทก์จำเลยยังคงผูกพันกันอยู่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๓๗ ฉะนั้น เมื่อที่ดินอันเป็นวัตถุประสงค์ของการเช่าสำหรับปลูกเคหะยังมีอยู่ จำเลยก็มีสิทธิที่จะใช้หรือรับประโยชน์จากที่ดินที่เช่านั้น โดยการปลูกบ้านเรือนอยู่อาศัยหลังใหม่แทนหลังเก่าได้ สัญญาเช่าไม่ระงับไปตามมาตรา ๕๖๗ ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน