คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1349/2538

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยในรายงานประจำวันธุรการว่าจำเลยตกลงออกเงินค่าซ่อมรถยนต์บรรทุกคันถูกชนและออกเงินค่ารักษาพยาบาลให้ ส. ผู้ขับขี่นั้นไม่เป็นสัญญาระงับข้อพิพาทให้เสร็จสิ้นไปทีเดียวเพราะไม่มีรายละเอียดหรือข้อตกลงที่แน่นอนอันปราศจากการโต้แย้งและไม่มีข้อความว่าโจทก์ไม่ติดใจเรียกร้องอะไรจากจำเลยอีกอันจะแสดงให้เห็นว่าคู่กรณีทั้งสองฝ่ายระงับข้อพิพาทที่เกิดขึ้นนั้นให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กันจึงไม่ใช่สัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา850โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยในมูลละเมิดได้

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ว่า ลูกจ้าง ของ จำเลย ได้ ขับ รถยนต์บรรทุก 10 ล้อ ไป ใน ทางการ ที่ จ้าง ของ จำเลย ด้วย ความประมาท ชน ท้ายรถ ยนต์บรรทุก ของ โจทก์ซึ่ง แล่น อยู่ ข้างหน้า ทำให้ รถยนต์บรรทุก ของ โจทก์ พลิกคว่ำ ได้รับความเสียหาย ต่อมา จำเลย ได้ ตกลง กับ โจทก์ ว่า จำเลย ยอม ชดใช้ ค่าซ่อมรถยนต์บรรทุก และ ค่ารักษาพยาบาล ลูกจ้าง ของ โจทก์ ปรากฏ ตามรายงาน ประจำวัน ธุรการ เอกสาร ท้ายฟ้อง หมายเลข 1 ขอให้ บังคับจำเลย ชำระ ค่าเสียหาย เป็น เงิน 380,112 บาท ให้ แก่ โจทก์ พร้อมดอกเบี้ย
จำเลย ให้การ ว่า โจทก์ ไม่มี อำนาจฟ้อง เพราะ โจทก์ และ จำเลย ได้ ทำสัญญา ประนีประนอม ยอมความ โดย จำเลย ยอม ออก เงิน ค่าซ่อม รถยนต์บรรทุก ของ โจทก์ และ ช่วยเหลือ ออก ค่ารักษาพยาบาล แก่ คนขับ รถยนต์บรรทุก ของ โจทก์ ทำให้ มูลหนี้ อัน เกิดจาก การ ละเมิด ระงับ ลง ขอให้ศาล ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษา ให้ จำเลย ชำระ เงิน จำนวน 270,000 บาทแก่ โจทก์ พร้อม ดอกเบี้ย
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “พิเคราะห์ แล้ว ที่ จำเลย ฎีกา ใน ข้อ 2 กและ ข นั้น มี ใจความ โดย สรุป ว่าคดี นี้ โจทก์ ฟ้อง ให้ จำเลย รับผิด ในมูลละเมิด ทำให้ โจทก์ เสียหาย และ เรียก ค่าสินไหมทดแทน จำเลย ให้การต่อสู้ ว่า โจทก์ จำเลย ตกลง ทำ สัญญา ประนีประนอม ยอมความ กัน ตาม เอกสารหมาย ป.จ. 2 (ศาลจังหวัด กบินทร์บุรี ) ยอม ชดใช้ ค่าซ่อม รถ และ ค่ารักษาพยาบาล คนขับ รถ ของ โจทก์ ให้ สิทธิเรียกร้อง ของ โจทก์ ใน มูลละเมิดย่อม สิ้นไป จะ ฟ้อง เรียก ค่าเสียหาย จาก จำเลย ใน มูลละเมิด อีก หาได้ไม่ตาม สำเนา รายงาน ประจำวัน ธุรการ เอกสาร หมาย ป.จ. 2 (ศาลจังหวัดกบินทร์บุรี ) มี ข้อความ ว่า โจทก์ จำเลย ได้ มี การ เจรจา ตกลง เรื่องค่าเสียหาย กรณี เกิด อุบัติเหตุ โดย จำเลย ตกลง ยินดี ออก เงิน ค่าซ่อมรถยนต์บรรทุก คัน ถูก ชน และ ช่วยเหลือ ออก เงิน ค่ารักษาพยาบาล ให้นาย สมัคร ชิดพรมราช ผู้ขับขี่ ซึ่ง ได้รับ บาดเจ็บ เล็กน้อย คู่กรณี เข้าใจ ตาม ข้อตกลง นี้ และ รับ รถยนต์บรรทุก คัน เกิดเหตุ ไป แล้ว ฯลฯเห็นว่า ข้อตกลง ระหว่าง โจทก์ จำเลย ดังกล่าว ไม่เป็น สัญญา ระงับข้อพิพาท ที่ เกิดขึ้น ให้ เสร็จสิ้น ไป ทีเดียว เพราะ ไม่มี รายละเอียดหรือ ข้อตกลง ที่ แน่นอน อัน ปราศจาก การ โต้แย้ง เป็นต้น ว่า ซ่อม ที่อู่ ไหน จำนวนเงิน ค่าซ่อม ที่ อู่ ไหน จำนวนเงิน ค่าซ่อม เท่าใด ทั้ง มิได้กำหนด ค่ารักษาพยาบาล ว่า เป็น จำนวนเงิน เท่าใด ซึ่ง อาจ มี การ โต้แย้งกัน ใน ภายหลัง ว่า ค่าซ่อม และ ค่ารักษาพยาบาล จำนวน เท่าใด ที่ จำเลยจะ ต้อง รับผิด และ ไม่ปรากฏ ข้อความ ว่า โจทก์ ไม่ติดใจ เรียกร้องอะไร จาก จำเลย อีก นอกจาก ที่ กล่าว แล้ว อัน จะ แสดง ให้ เห็นว่า คู่กรณีทั้ง สอง ฝ่าย ระงับ ข้อพิพาท ที่ เกิดขึ้น นั้น ให้ เสร็จ ไป ด้วย ต่าง ยอมผ่อนผัน ให้ แก่ กัน จึง ไม่ใช่ สัญญา ประนีประนอม ยอมความ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 โจทก์ จึง มีอำนาจ ฟ้อง จำเลยใน มูลละเมิด ได้ ”
พิพากษาแก้ ให้ จำเลย ชำระ เงิน จำนวน 150,000 บาท แก่ โจทก์ นอกจากที่ แก้ ให้ เป็น ไป ตาม คำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ ภาค 1

Share