แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีปรากฏว่า ภายหลังจากที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำนองที่ดินของจำเลยที่ 2 ออกขายทอดตลาดได้เงินแล้ว เจ้าพนักงานบังคับคดีจัดทำบัญชีแสดงรายการรับ – จ่าย ครั้งที่ 2 เสร็จ ผู้แทนโจทก์ได้ตรวจบัญชีดังกล่าวแล้วรับเงินไปตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม 2550 จึงถือได้ว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้จ่ายเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาแล้ว การบังคับคดีในส่วนนี้จึงเสร็จลงตาม ป.วิ.พ. มาตรา 296 วรรคสี่ (2) การที่โจทก์มายื่นคำร้องขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีแก้ไขบัญชีแสดงรายการรับ – จ่าย ครั้งที่ 2 ในวันที่ 2 มกราคม 2557 จึงเป็นการยื่นภายหลังจากการบังคับคดีได้เสร็จลงตาม ป.วิ.พ. มาตรา 296 วรรคสาม
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากจำเลยทั้งสองไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 150546 แขวงบางซื่อ (บางเขนฝั่งใต้) เขตดุสิต (บางซื่อ) กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้าง และที่ดินโฉนดเลขที่ 5912 ตำบลคลองพระอุดม (บ้านแหลม) อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ของจำเลยที่ 1 ออกขายทอดตลาด ได้เงินชำระหนี้จำนวน 2,008,565 บาท แต่ยังไม่พอชำระหนี้โจทก์ โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 14407 และ 14408 ตำบลบ้านระกาศ (ระกาศ) อำเภอบางบ่อ (บางเหี้ย) จังหวัดสมุทรปราการ ของจำเลยที่ 2 ออกขายทอดตลาดได้เงิน 3,251,820 บาท เจ้าพนักงานบังคับคดีจัดทำบัญชีแสดงรายการรับ – จ่ายในการขายทอดตลาดที่ดินของจำเลยที่ 2 ดังกล่าวตามบัญชีแสดงรายการรับ – จ่าย ครั้งที่ 2 แล้วจ่ายเงินจากการขายทอดตลาดคืนแก่จำเลยที่ 2 เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2550จำนวน 207,697.33 บาท และจ่ายเงินแก่โจทก์เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2550 จำนวน 3,044,122.67 บาท โดยโจทก์ได้ลงลายมือชื่อรับรองบัญชีแสดงรายการรับ – จ่าย ครั้งที่ 2 ว่าถูกต้องแล้ว
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีแก้ไขบัญชีแสดงรายการรับ – จ่าย ครั้งที่ 2 ให้ถูกต้องและให้เจ้าพนักงานบังคับคดีเรียกเงินจำนวน 207,697.33 บาท คืนจากจำเลยที่ 2 เพื่อนำมาชำระหนี้แก่โจทก์ทั้งหมด
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสาม บัญญัติไว้ว่า “การยื่นคำร้องตามมาตรานี้อาจกระทำได้ไม่ว่าในเวลาใดก่อนการบังคับคดีได้เสร็จลง แต่ต้องไม่ช้ากว่า สิบห้าวัน นับแต่วันที่ทราบข้อความหรือพฤติการณ์อันเป็นมูลแห่งข้ออ้างนั้น…” และมาตรา 296 วรรคสี่ บัญญัติไว้ว่า “เพื่อประโยชน์แห่งมาตรานี้ให้ถือว่าการบังคับคดีได้เสร็จลง เมื่อได้มีการดำเนินการดังต่อไปนี้…(2) ในกรณีที่คำบังคับหรือหมายบังคับคดีกำหนดให้ใช้เงิน เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้จ่ายเงินตามมาตรา 318 มาตรา 319 มาตรา 320 มาตรา 321 หรือมาตรา 322 แล้วแต่กรณี…” เมื่อปรากฏว่า ภายหลังจากที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำนองที่ดินของจำเลยที่ 2 ออกขายทอดตลาดได้เงินแล้ว เจ้าพนักงานบังคับคดีจัดทำบัญชีแสดงรายการรับ – จ่าย ครั้งที่ 2 เสร็จ ผู้แทนโจทก์ได้ตรวจบัญชีดังกล่าวแล้วรับเงินไปตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม 2550 จึงถือได้ว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้จ่ายเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาแล้ว การบังคับคดีในส่วนนี้จึงเสร็จลงตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว การที่โจทก์มายื่นคำร้องขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีแก้ไขบัญชีแสดงรายการรับ – จ่าย ครั้งที่ 2 ในวันที่ 2 มกราคม 2557 จึงเป็นการยื่นภายหลังจากการบังคับคดีได้เสร็จลง ที่ศาลชั้นต้นยกคำร้องของโจทก์และศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืนมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ