แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ผู้ร้องยื่นคำร้องคัดค้านคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่ยกคำร้องขอปฏิบัติตามสัญญาเช่าช่วงที่ดิน ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ยกคำร้อง จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย พ.ศ.2542 มาตรา 24 วรรคสอง
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยทั้งสองเด็ดขาดเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2545
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2544 จำเลยที่ 2 ได้นำที่ดินโฉนดเลขที่ 6588 (ที่ถูก 658) และ 13353 ตำบลปากเกร็ด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี พร้อมสิ่งปลูกสร้างให้นายบรรจง ธรรมเสริมวาที เช่า ต่อมานายบรรจง นำทรัพย์ดังกล่าวให้ผู้ร้องเช่าช่วงมีกำหนด 3 ปี นับแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2545 ถึงวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2548 ผู้ให้เช่ายอมให้ผู้ร้องเช่าทรัพย์ต่อไปอีกครั้งละ 3 ปี แต่ผู้ร้องต้องแจ้งให้ผู้ให้เช่าทราบภายในกำหนด 1 เดือน ก่อนครบระยะเวลาเช่า ท้ายสัญญาเช่าช่วงจำเลยที่ 2 ในฐานะเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างได้ให้คำมั่นแก่ผู้ร้องว่า หากนายบรรจงไม่ทำสัญญาเช่าทรัพย์ดังกล่าวต่อไป จำเลยที่ 2 ยอมให้ผู้ร้องเช่าทรัพย์ดังกล่าวต่อไปครั้งละ 3 ปี แต่ผู้ร้องจะต้องแสดงเจตนาต่อจำเลยที่ 2 ภายใน 1 เดือน นับแต่วันครบกำหนดสัญญาเช่าช่วงผู้ร้องใช้ทรัพย์ที่เช่าประกอบกิจการโรงเรียนมงกุฎเอเชีย เปิดสอนหลักสูตรภาษาอังกฤษระดับก่อนประถมศึกษาถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย ต่อมาปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2545 นายบรรจง และจำเลยที่ 2 ยินยอมให้ผู้ร้องต่อเติมอาคารที่เช่าบางส่วนเพื่อใช้ในกิจการของโรงเรียนได้โดยมีข้อตกลงว่า หากผู้ร้องไม่ประสงค์จะเช่าทรัพย์ดังกล่าวต่อไปให้ทรัพย์สินที่ได้ต่อเติมและปลูกสร้างในที่ดินตกเป็นของจำเลยที่ 2 ทันที ผู้ร้องได้สร้างโรงอาหาร ต่อเติมอาคารเป็นห้องสมุดและห้องเรียนอนุบาลอีก 1 ห้อง ข้อตกลงดังกล่าวเป็นสัญญาต่างตอบแทนยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดา ผู้ร้องย่อมได้สิทธิตามกฎหมายและมีความประสงค์จะเช่าทรัพย์ดังกล่าวตามคำมั่นของจำเลยที่ 2 ต่อไป วันที่ 27 กันยายน 2547 นายบรรจงทำหนังสือยื่นต่อผู้คัดค้านขอปฏิบัติตามสัญญาเช่าต่อไปอีก 3 ปี ผู้คัดค้านปฏิเสธการเช่าและสั่งยกคำร้องนายบรรจงไม่คัดค้าน สัญญาเช่าเดิมระงับลง แต่ความผูกพันระหว่างผู้ร้องกับจำเลยที่ 2 ตามบันทึกท้ายสัญญาเช่าช่วงเปิดโอกาสให้ผู้ร้องสามารถเข้าทำสัญญาเช่าที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างกับจำเลยที่ 2 ได้ ผู้ร้องยื่นคำร้องลงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2548 ต่อผู้คัดค้านขอปฏิบัติตามสัญญาเช่าช่วงต่อไปอีก 3 ปี ผู้คัดค้านมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้องโดยอ้างเหตุผลประการที่ 1 ว่าผู้ร้องเคยยื่นขอปฏิบัติตามสัญญาผู้คัดค้านมีคำสั่งไม่ปฏิบัติตามสัญญา ผู้ร้องยื่นคำร้องคัดค้านคำสั่งของผู้คัดค้านศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกคำร้อง คดีอยู่ระหว่างผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลล้มละลายกลาง เหตุผลประการที่ 2 เจ้าหนี้รายที่ 8 ในฐานะผู้รับจำนองแถลงต่อผู้คัดค้านว่าไม่ควรต่อสัญญาเช่าที่ดินต่อไป เหตุผลประการที่ 3 คือปัจจุบันผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรีได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการควบคุมโรงเรียนมงกุฎเอเชีย ผู้ร้องเห็นว่าเหตุผลของผู้คัดค้านไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ร้อง กล่าวคือ การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องคัดค้านคำสั่งของผู้คัดค้านต่อศาลล้มละลายกลางนั้น ศาลนัดไต่สวนวันที่ 4 พฤศจิกายน 2546 เวลา 13.30 นาฬิกา แต่ผู้ร้องสำคัญผิดไม่ได้ไปศาลตามกำหนด ศาลมีคำสั่งยกคำร้อง ผู้ร้องไปศาลวันที่ 5 พฤศจิกายน 2546 เวลา 13.30 นาฬิกา และยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนคดีใหม่โดยให้เหตุผลว่าการที่ผู้ร้องไม่ไปศาลในวันนัดเพราะได้รับรายงานวันนัดผิดพลาด ผู้ร้องมิได้ถูกศาลสั่งยกคำร้องเพราะเหตุของการไม่ยอมรับการปฏิบัติตามสัญญาเช่า ซึ่งผู้ร้องได้ยื่นอุทธรณ์ขอให้มีคำสั่งให้ไต่สวนคำร้องใหม่ คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ สำหรับเหตุผลของผู้คัดค้านประการที่ 2 นั้น การเช่าทรัพย์ได้ดำเนินไปตามสัญญาทุกประการ หากได้รับอนุญาตให้ปฏิบัติตามสัญญาเช่า ผู้ร้องยินดีจ่ายค่าเช่าตามเงื่อนไข เจ้าหนี้จะได้รับประโยชน์ ไม่เป็นภาระเกินควรแก่เจ้าหนี้แต่อย่างใด ส่วนเหตุของผู้คัดค้านประการที่ 3 ผู้ร้องในฐานะผู้บริหารโรงเรียนมีความประสงค์จะดำเนินการเรียนการสอนเพื่อประโยชน์ของเยาวชนต่อไป การที่คณะกรรมการควบคุมโรงเรียนเข้ามาควบคุมการดำเนินงานของโรงเรียนเป็นเพียงการเข้ามาแก้ปัญหาชั่วคราวเพื่อให้โรงเรียนดำเนินการไปตามปกติหลังจากจำเลยที่ 2 เป็นบุคคลล้มละลาย ผู้ร้องประสงค์จะขอปฏิบัติตามสัญญาเช่าซึ่งเป็นสัญญาต่างตอบแทนยิ่งกว่าการเช่าธรรมดา ผู้ร้องควรได้รับการคุ้มครองสิทธิตามกฎหมาย การที่คณะกรรมการควบคุมเข้ามารับผิดชอบดำเนินการชั่วคราวจึงไม่กระทบสิทธิของผู้ร้องที่จะดำเนินการตามเจตนาเดิม ขอให้มีคำสั่งกลับคำสั่งของผู้คัดค้านโดยให้ผู้ร้องได้รับสิทธิปฏิบัติตามสัญญาเช่าช่วงต่อไปอีก 3 ปี ตามเงื่อนไขเดิม
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า สัญญาเช่าช่วงระหว่างนายบรรจง ธรรมเสริมวาที กับผู้ร้องนั้น จำเลยที่ 2 เพียงแต่ให้ความยินยอมเท่านั้น คำมั่นที่จำเลยที่ 2 ให้ไว้แก่ผู้ร้องตามบันทึกแนบท้ายสัญญาเช่าช่วงมิใช่สัญญาที่ผู้คัดค้านจะต้องพิจารณาว่ามีภาระเกินควรกว่าประโยชน์ที่จะพึงได้หรือไม่ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 122 การขอเช่าต่อไปเป็นเรื่องที่ผู้ขอเช่าต้องร้องขอต่อผู้คัดค้านซึ่งจะต้องพิจารณาว่าสามารถนำทรัพย์ออกใช้เช่าได้หรือไม่ ในกรณีเจ้าหนี้ผู้รับจำนองได้แถลงคัดค้านการขอเช่าต่อไปเมื่อที่ดินทั้งสองแปลงถูกยึดไว้และจะต้องนำออกขายทอดตลาดต่อไป จึงชอบที่ผู้คัดค้านจะยกคำร้องของผู้ร้อง ข้ออ้างของผู้ร้องที่ว่านายบรรจงและจำเลยที่ 2 ยอมให้ผู้ร้องต่อเติมอาคารที่เช่าเพื่อประโยชน์แก่กิจการของโรงเรียน จึงเป็นข้อตกลงที่เกิดเป็นสัญญาต่างตอบแทนยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดานั้น จากการสอบสวนได้ความว่า การต่อเติมอาคารที่เช่ามิได้มีการขออนุญาตผู้ใดปัจจุบันผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรีได้มีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียนมงกุฎเอเชียซึ่งออกให้แก่จำเลยที่ 2 แล้ว ผู้ร้องยื่นคำร้องคัดค้านคำสั่งของผู้คัดค้านต่อศาลล้มละลายกลาง ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้องตามคดีหมายเลขแดงที่ 1979/2546 คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ คำสั่งของผู้คัดค้านชอบแล้ว ขอให้ยกคำร้อง
ศาลล้มละลายกลางพิจารณาแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นว่า คดีนี้ผู้ร้องยื่นคำร้องคัดค้านคำสั่งของผู้คัดค้านที่ยกคำร้องขอปฏิบัติตามสัญญาเช่าช่วงที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ยกคำร้อง คำสั่งศาลล้มละลายกลางดังกล่าวต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย พ.ศ.2542 มาตรา 24 วรรคสอง และศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนแล้ว ไม่มีกรณีจำเป็นต้องแก้ไขข้อผิดพลาดตาม มาตรา 26 วรรคสี่ ที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งรับอุทธรณ์ของผู้ร้องมานั้นเป็นการมิชอบศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษายกอุทธรณ์ของผู้ร้อง คืนค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดในชั้นนี้ให้แก่ผู้ร้องค่าฤชาธรรมเนียมอื่นนอกจากนี้ให้เป็นพับ.