แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันว่า จำเลยมีฝิ่นไว้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน ให้จำคุกจำเลยไว้ 1 ปี 6 เดือนและปรับ 4,662,000 บาท ฝิ่นของกลางให้ริบ ส่วนเรือของกลาง ไม่ใช่ของใช้ในการกระทำผิดคือมีไว้ซึ่งฝิ่นโดยตรง ไม่ใช่ของควรริบ ให้คืนให้จำเลยไป ดังนี้ โจทก์จะฎีกาโต้เถียงว่า เรือเป็นของที่ใช้ในการกระทำผิดไม่ได้ ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องจำเลยรับสารภาพ โจทก์สืบพยานประกอบฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองแจวเรือกระแซงลำหนึ่งมา นายตรวจแผนกสรรพสามิตเรียกให้แวะแล้วขอตรวจค้นเรือ ค้นฝิ่นได้ที่กลางลำเรือตรงท้องเรือบรรจุกระป๋องรวม 24 ใบ มีถ่านกองไว้เหนือปีบฝิ่นเหล่านั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยผิดฐานมีฝิ่นเถื่อนไว้ โดยไม่ได้รับอนุญาต ให้จำคุกและปรับจำเลย กับให้ริบฝิ่นของกลาง ส่วนเรือของกลางไม่ใช่ของใช้ในการกระทำผิด จึงไม่ริบ ให้คืนจำเลย
โจทก์อุทธรณ์ ให้ริบเรือด้วย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาต่อมา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้ชี้ขาดในข้อเท็จจริงแล้วว่า เรือของกลางในคดีนี้ ยังฟังไม่ได้ว่าเป็นของที่ใช้ในการมีฝิ่นไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต โจทก์จะฎีกาว่า เรือเป็นของที่ใช้ในการกระทำผิดไม่ได้ ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง จึงให้ยกฎีกาโจทก์