คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1344/2551

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ปัญหาว่าหนังสือมอบอำนาจซึ่งเป็นใบมอบอำนาจตามประมวลรัษฎากรปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนหรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยที่ 1 และที่ 2 มิได้ให้การต่อสู้เป็นประเด็นไว้ในศาลชั้นต้น และเพิ่งจะยกขึ้นเป็นข้อโต้เถียงคัดค้านในชั้นอุทธรณ์ก็ตาม จำเลยที่ 1 และที่ 2 ก็มีสิทธิยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกาได้
หนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องและดำเนินคดี หากไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ให้บริบูรณ์ตาม ป.รัษฎากร มาตรา 118 หนังสือมอบอำนาจดังกล่าวไม่อาจใช้เป็นพยานหลักฐานเพื่อรับฟังว่าโจทก์ได้มอบอำนาจให้นาย ก. เป็นผู้มีอำนาจฟ้องและดำเนินคดีแทนโจทก์ได้ นาย ก. จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองแทนโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน 151,840.53 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 145,731.77 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้การขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 3 ขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน 151,840.53 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 145,731.77 บาท นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 31 พฤษภาคม 2544) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้ 3,000 บาท
จำเลยที่ 1 และที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 3 และให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ 2,000 บาท แทนโจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นประการแรกว่า โจทก์มอบอำนาจให้นายกวีฟ้องคดีนี้หรือไม่ เห็นว่า ปัญหาว่าหนังสือมอบอำนาจซึ่งเป็นใบมอบอำนาจตามประมวลรัษฎากรปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนหรือไม่ เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยที่ 1 และที่ 2 มิได้ให้การต่อสู้เป็นประเด็นไว้ในศาลชั้นต้น และเพิ่งจะยกขึ้นเป็นข้อโต้เถียงคัดค้านในชั้นอุทธรณ์ก็ตาม จำเลยที่ 1 และที่ 2 ก็มีสิทธิยกขึ้นอ้างได้ ดังนั้นเมื่อปรากฏว่าหนังสือมอบอำนาจเอกสารหมาย จ.2 ซึ่งระบุว่าโจทก์โดยนางนุชนาฎกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญของโจทก์มอบอำนาจให้นายกวีฟ้องและดำเนินคดีนี้แทนโจทก์ไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ให้บริบูรณ์ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118 หนังสือมอบอำนาจดังกล่าวจึงไม่อาจใช้เป็นพยานหลักฐานเพื่อรับฟังว่าโจทก์ได้มอบอำนาจให้นายกวีเป็นผู้มีอำนาจฟ้องและดำเนินคดีนี้แทนโจทก์ นายกวีจึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสามเป็นคดีนี้ และไม่มีอำนาจแต่งตั้งทนายความให้ดำเนินคดีนี้แทน ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยและฟังว่าโจทก์มอบอำนาจให้นายกวีเป็นผู้มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 และที่ 2 นั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ฟังขึ้น เมื่อนายกวีไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสามเป็นคดีนี้แล้วก็ไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ในประเด็นอื่น ๆ อีกต่อไป
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share