คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4110/2551

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองว่าร่วมกันเล่นการพนันสี่เหงาลัก อันเป็นการพนันในบัญชี ก. อันดับ 20 ท้าย พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478 แต่ในทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยทั้งสองเล่นการพนันโปปั่น ซึ่งเป็นการพนันในบัญชี ก. อันดับ 2 กรณีไม่ถือว่าข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาแตกต่างจากฟ้องและมิใช่ข้อสาระสำคัญ เมื่อจำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธจึงไม่หลงข้อต่อสู้ ทั้งไม่ถือว่าข้อที่พิจารณาได้ความนั้นเป็นเรื่องเกินคำขอหรือเรื่องที่โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษ ศาลย่อมลงโทษจำเลยทั้งสองตามฐานความผิดที่ได้ความได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคสอง และวรรคสาม ประกอบมาตรา 215, 225

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสอง ตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 4, 5, 6, 10, 12, 15 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 33 ริบของกลางและจ่ายสินบนแก่ผู้นำจับตามกฎหมาย
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 4, 5, 6, 10, 12, 15 (ที่แก้ไขแล้ว) และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 33 ปรับคนละ 2,000 บาท หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ริบของกลาง กับให้จำเลยทั้งสองจ่ายสินบนนำจับคนละกึ่งหนึ่งของค่าปรับ
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าจำเลยทั้งสองกับพวกเล่นการพนันสี่เหงาลักตามที่โจทก์ฟ้องและศาลจะพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองได้หรือไม่ เห็นว่า การที่โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองกับพวกเล่นการพนันสี่เหงาลักก็เป็นความเข้าใจของโจทก์ แม้ชั้นพิจารณาโจทก์จะอ้างความเห็นของร้อยตำรวจเอกนิพนธ์ผู้ชำนาญการพนันฯ ต่อศาล แต่ความเห็นของร้อยตำรวจเอกนิพนธ์เป็นการให้รายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการเล่นการพนันที่เรียกว่าสี่เหงาลัก ไม่ใช่หลักฐานที่จะแสดงว่าจำเลยทั้งสองกับพวกเล่นการพนันสี่เหงาลักร้อยตำรวจเอกนิพนธ์ไม่รู้เห็นเหตุการณ์คดีนี้ ไม่ได้ร่วมจับจำเลยทั้งสองกับพวก ฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองเล่นการพนันโปปั่นซึ่งเป็นการพนันบัญชี ก. อันดับที่ 2 ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัติการพนันฯ ซึ่งเป็นการพนันบัญชีเดียวกันกับสี่เหงาลัก อันดับที่ 20 และไม่ถือว่าข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาแตกต่างจากฟ้องที่โจทก์ขอให้ลงโทษดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย จึงมิใช่ข้อสาระสำคัญ และจำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธจึงไม่หลงข้อต่อสู้ทั้งไม่ถือว่าข้อที่พิจารณาได้ความนั้นเป็นเรื่องเกินคำขอหรือเรื่องที่โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยทั้งสองตามฐานความผิดที่ได้ความได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสอง และวรรคสาม ประกอบมาตรา 215 มาตรา 225 ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share