คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6468/2549

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ โดยมิได้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลตาม ป.วิ.พ. มาตรา 234 จำเลยยื่นคำร้องขอดำเนินคดีในชั้นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวโดยไม่ต้องนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาล อ้างว่าจำเลยเป็นคนอนาถาไม่มีทรัพย์สินใด ๆ จะวางประกันต่อศาล คำร้องของจำเลยดังกล่าวมิได้เป็นการขอยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์ที่จำเลยจะต้องชำระต่อศาลในการยื่นอุทธรณ์ มิใช่เป็นการขอดำเนินคดีอย่างอนาถาตามมาตรา 155, 156 และเป็นคำขอที่ขัดต่อมาตรา 234 ศาลไม่อาจอนุญาตตามคำร้องของจำเลยดังกล่าวได้อยู่แล้ว การที่จำเลยยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาฎีกาคำสั่งอุทธรณ์ภาค 1 อันเป็นกระบวนพิจารณาที่จำเลยดำเนินสืบเนื่องมาจากคำร้องของจำเลยดังกล่าวย่อมไม่เป็นประโยชน์แก่จำเลยเพราะหากได้รับการขยายระยะเวลาศาลก็ไม่อาจอนุญาตตามคำร้องของจำเลยได้ จึงไม่มีเหตุสมควรขยายระยะเวลาฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 1 ให้จำเลย

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้จำเลยกับบริวารขนย้ายทรัพย์สินออกจากทรัพย์พิพาท และส่งมอบทรัพย์พิพาทให้โจทก์ในสภาพเรียบร้อย กับให้จำเลยชำระค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 2,500 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยกับบริวารจะขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากทรัพย์พิพาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์
จำเลยอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า เป็นกรณีอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 ให้จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาล และนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลภายในกำหนด 15 วัน
จำเลยยื่นคำร้องขอขยายเวลาวางเงินหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลออกไปอีก 30 วัน ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขยายระยะเวลาออกไปถึงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2544
ต่อมาเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2544 จำเลยยื่นคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาว่า จำเลยเป็นคนอนาถาไม่มีทรัพย์สินที่จะวางประกันต่อศาล คงมีเฉพาะค่าธรรมเนียมศาลที่วางไว้ต่อศาลขณะยื่นอุทธรณ์ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า อุทธรณ์ของจำเลยไม่มีเหตุอันสมควรที่จะอุทธรณ์ ให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำสั่งว่า อุทธรณ์ของจำเลยในข้อกฎหมายไม่เป็นสาระอันควรอุทธรณ์ แม้ศาลจะรับอุทธรณ์ของจำเลยไว้พิจารณาก็ไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลง คำขอให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาจึงไม่เป็นประโยชน์แก่คดี คำสั่งของศาลชั้นต้นชอบแล้ว ให้ยกอุทธรณ์คำสั่งของจำเลย หากจำเลยยังติดใจอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ก็ให้นำเงินค่าธรรมเนียมและเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลชั้นต้นภายใน 15 วัน นับแต่วันทราบคำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค 1
จำเลยยื่นคำร้องลงวันที่ 19 เมษายน 2545 ขอขยายระยะเวลาฎีกาคำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค 1 ออกไปอีก 30 วัน โดยจำเลยอ้างว่าวันดังกล่าวเป็นวันครบกำหนดที่จะยื่นฎีกาแต่จำเลยยังไม่สามารถหาทนายความเขียนฎีกาข้อกฎหมายให้ได้
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค 1 เป็นที่สุดแล้ว ให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาตามฎีกาของจำเลยว่าสมควรขยายเวลาฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 1 ให้จำเลยหรือไม่ เห็นว่า การขอขยายระยะเวลาฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 1 ตามฎีกาของจำเลยดังกล่าวเป็นกระบวนพิจารณาที่จำเลยดำเนินสืบเนื่องมาจากการที่จำเลยอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์แล้วจำเลยมิได้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาศาลหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลในการอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 และจำเลยได้ยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2544 ขอดำเนินคดีในชั้นอุทธรณ์คำสั่งโดยไม่ต้องนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาล อ้างว่าจำเลยเป็นคนอนาถาไม่มีทรัพย์สินใด ๆ จะวางประกันต่อศาล คำร้องของจำเลยดังกล่าวมิได้เป็นการขอยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์ที่จำเลยจะต้องชำระต่อศาลในการขอดำเนินคดีอย่างอนาถาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 155, 156 และคำขอตามคำร้องของจำเลยดังกล่าวก็เป็นคำขอที่ขัดต่อมาตรา 234 ที่ยังคับให้ผู้อุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ต้องนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาล ไม่มีบทกฎหมายสนับสนุนให้ศาลอนุญาตให้ยกเว้นไม่ต้องนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือไม่ต้องหาประกันให้ไว้ ศาลไม่อาจอนุญาตตามคำร้องของจำเลยดังกล่าวได้อยู่แล้ว การขอขยายระยะเวลาฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 1 อันเป็นกระบวนพิจารณาที่จำเลยดำเนินคดีสืบเนื่องมาจากคำร้องของจำเลยดังกล่าวย่อมไม่เป็นประโยชน์แก่จำเลยเพราะหากได้รับการขยายระยะเวลาดังกล่าวศาลก็ไม่อาจอนุญาตตามคำร้องของจำเลยดังกล่าวได้ จึงไม่มีเหตุสมควรขยายระยะเวลาฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 1 ให้จำเลย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share