แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องแจ้งชัดว่าจำเลยผลิตกัญชาอันเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 โดยผิดกฎหมายและอ้างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 26 อันเป็นบทห้ามกระทำผิด แม้โจทก์จะมิได้อ้างบทลงโทษมาตรา 75 ศาลก็ลงโทษจำเลยตามมาตราดังกล่าวได้
กรณีที่กฎหมายกำหนดให้ลงโทษทั้งจำคุกและปรับ ถ้าศาลเห็นสมควรก็ลงแต่โทษจำคุกสถานเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 20ได้ และศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจรอการลงโทษจำคุกนั้นตามมาตรา 56ได้ด้วย.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยผลิตกัญชา จำนวน 2 ต้น และมีกัญชาจำนวน 2ต้นที่ผลิตขึ้นดังกล่าวไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7,26, 102 ริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 26, 76, 102 ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2522) เรื่องระบุชื่อและประเภทยาเสพติดให้โทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ประกาศลงวันที่ 17 กันยายน 2522 ข้อ 4 แต่การกระทำของจำเลยผิดกฎหมายหลายบทให้ลงโทษฐานผลิตกัญชา ซึ่งเป็นบทหนักจำคุก 2 ปี ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง จำคุก 1 ปี ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษปรับจำเลยด้วย 4,000 บาทอีกสถานหนึ่ง ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่งคงปรับ 2,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษตามมาตรา 56 มีกำหนด 2ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์ลงโทษปรับจำเลยต่ำกว่าอัตราโทษที่กฎหมายกำหนด
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องแจ้งชัดว่าจำเลยผลิตกัญชาอันเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 โดยผิดกฎหมายและอ้างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 26 อันเป็นบทห้ามกระทำผิดมาด้วย ดังนี้ แม้โจทก์จะมิได้อ้างบทลงโทษมา ศาลก็ย่อมลงโทษจำเลยตามมาตรา 75 ได้ ซึ่งมาตรา 75บัญญัติว่า ‘ผู้ใดผลิต จำหน่าย นำเข้าหรือส่งออก ซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 5 อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 26 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนห้าหมื่นบาท’ ตามกำหนดอัตราดังกล่าวที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษปรับจำเลย 4,000 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่งแล้วคงปรับ 2,000 บาทจึงน้อยกว่าอัตราโทษปรับขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนด อย่างไรก็ตามศาลฎีกาเห็นว่า กรณีที่กฎหมายกำหนดให้ลงโทษทั้งจำคุกและปรับด้วยนั้น ถ้าศาลเห็นสมควรก็อาจใช้ดุลพินิจลงโทษจำคุกจำเลยผู้กระทำผิดแต่เพียงสถานเดียว โดยไม่ลงโทษปรับด้วยก็ได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 20 และศาลย่อมมีอำนาจใช้ดุลพินิจรอการลงโทษจำคุกนั้นได้ด้วย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 75 และไม่ลงโทษปรับจำเลย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.