คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2220/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276 วรรคสอง ลดโทษให้จำเลยกึ่งหนึ่งตาม มาตรา 78 แล้วจำคุก 5 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคแรก ลดโทษให้จำเลยกึ่งหนึ่งตามมาตรา 78 แล้วคงจำคุก 2 ปีดังนี้ ถือว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขมากไม่ต้องห้ามคู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 9/2527)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276, 83ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 7

จำเลยให้การปฏิเสธ ต่อมาระหว่างสืบพยานโจทก์ จำเลยให้การใหม่ว่าได้ข่มขืนผู้เสียหายจริง แต่ไม่ได้ร่วมกันโทรมหญิง

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276, 83 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 จำคุก 10 ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 5 ปี

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276 วรรคแรก จำคุก 4 ปี ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 ปี

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่วินิจฉัยว่า ปัญหามีว่าการที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะวรรคในมาตรา 276 และแก้โทษด้วยนั้น เป็นการแก้ไขเล็กน้อยหรือเป็นการแก้ไขมาก ปัญหานี้ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่มีมติว่า ความผิดตามวรรคแรกและวรรคสองของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 มีอัตราโทษขั้นต่ำและขั้นสูงแตกต่างกันมาก ประกอบกับคามผิดตามวรรคแรกนั้นเป็นความผิดที่อาจยอมความกันได้ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 281 ส่วนความผิดตามวรรคสองเป็นอาญาแผ่นดินมิอาจยอมความกันได้ ฉะนั้น การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้วรรคในกรณีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 และแก้โทษด้วยนั้นจึงเป็นการแก้ไขมาก ไม่ต้องห้ามคู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาอาญา มาตรา 218 ดังนั้น โจทก์ย่อมฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ ฯลฯ

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share