คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 134/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์มาพักที่โรงแรมของจำเลยและจอดรถยนต์ไว้ในที่จอดรถของโรงแรมเมื่อรถยนต์นั้นหายไปจากที่จอดดังกล่าว จำเลยซึ่งเป็นเจ้าสำนักต้องรับผิดชอบ
การใช้ค่าสินไหมทดแทนเมื่อทรัพย์สินของคนเดินทางหรือแขกอาศัยสูญหายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 675 ในส่วนที่เกี่ยวกับราคาทรัพย์สินย่อมต้องถือเอาราคาของทรัพย์สินนั้น ตามที่อาจซื้อขายกันได้ตามปกติในเวลาที่ทรัพย์สินนั้นสูญหาย ถ้าเจ้าของทรัพย์สินได้ชำระเงินไปเป็นจำนวนสูงกว่าราคาซื้อขายตามปกติ เพราะซื้อมาโดยการเช่าซื้อหรือซื้อด้วยเงินผ่อน ทำให้ผู้ให้เช่าซื้อหรือผู้ขายบวกดอกเบี้ยเข้าไว้ในราคาด้วยการเสียดอกเบี้ยนั้นต้องถือว่าเป็นภาระส่วนตัวเป็นพิเศษของผู้เช่าซื้อหรือผู้ซื้อเช่นเดียวกับกรณีที่กู้เงินผู้อื่นมาซื้อ เจ้าสำนักโรงแรมไม่ต้องรับผิดชดใช้เงินส่วนที่เป็นดอกเบี้ย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้พักอาศัยที่โรงแรมของจำเลยที่ 1 ซึ่งมีจำเลยที่ 2 เป็นเจ้าสำนักโรงแรม โดยจอดรถยนต์ของโจทก์ซึ่งซื้อมาในราคา 62,000 บาท ไว้ในที่จอดรถของโรงแรม แต่รถยนต์ของโจทก์หายไปโดยมีคนร้ายลักเอาไปจากที่จอดรถของโรงแรม ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ราคารถและค่าเสียหายพร้อมทั้งดอกเบี้ยแก่โจทก์

จำเลยที่ 1 ให้การว่า จำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของกิจการโรงแรม จำเลยที่ 1 เป็นแต่เพียงเจ้าของสถานที่ จำเลยที่ 1 ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์

จำเลยที่ 2 ให้การว่า โจทก์ไม่ได้ฝากรถยนต์และมอบกุญแจรถไว้แก่จำเลยที่ 2 หรือพนักงานของจำเลยทั้งมิได้แจ้งให้จำเลยที่ 2 ทราบว่าได้นำรถยนต์เข้ามาจอดในโรงแรม จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิด ราคารถยนต์ 62,000 บาท เป็นราคาให้ผ่อนชำระ 15 เดือน เป็นราคาที่บวกดอกเบี้ยเข้าด้วย ราคาซื้อขายรถยนต์ในท้องตลาดไม่ถึงจำนวนดังกล่าว ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 2 ใช้ราคารถยนต์ 55,000 บาท และค่าติดตามรถ 5,000 บาทแก่โจทก์ ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 1

จำเลยที่ 2 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยที่ 2 ใช้เฉพาะราคารถยนต์ที่หายเป็นเงิน 55,000 บาท

จำเลยที่ 2 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ขับรถยนต์มาจอดที่โรงแรมและรถยนต์หายไปในระหว่างจอดอยู่ในที่จอดรถของโรงแรมจริง จำเลยที่ 2 จึงต้องรับผิดชดใช้ราคาให้โจทก์

ส่วนในเรื่องค่าสินไหมทดแทนนั้น การใช้ค่าสินไหมทดแทนเมื่อทรัพย์สินของคนเดินทางหรือแขกอาศัยสูญหายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 675 ในส่วนที่เกี่ยวกับราคาทรัพย์สินย่อมต้องถือเอาราคาของทรัพย์สินนั้นตามที่อาจซื้อขายกันได้ตามปกติในเวลาที่ทรัพย์สินนั้นสูญหาย ถ้าเจ้าของทรัพย์สินนั้นได้ชำระเงินไปเป็นจำนวนสูงกว่าราคาซื้อขายตามปกติเพราะซื้อมาโดยการเช่าซื้อหรือซื้อด้วยเงินผ่อน ทำให้ผู้ให้เช่าซื้อหรือผู้ขายบวกดอกเบี้ยเข้าไว้ในราคาด้วย การเสียดอกเบี้ยนั้นก็ต้องถือว่าเป็นภาระส่วนตัวเป็นพิเศษของผู้เช่าซื้อหรือผู้ซื้อ เช่นเดียวกับกรณีที่กู้เงินผู้อื่นมาซื้อ เจ้าสำนักโรงแรมหาต้องรับผิดชดใช้เงินส่วนที่เป็นดอกเบี้ยด้วยไม่ สำหรับคดีนี้โจทก์มิได้นำสืบว่ามีดอกเบี้ยปนอยู่ด้วยเท่าใดและจำเลยที่ 2 ก็ไม่มีพยานมาสืบแสดงให้ฟังได้ว่ารถคันพิพาทนี้ถ้าซื้อด้วยเงินสดจะมีราคาเพียง 45,000 บาท อีก 17,000 บาทนั้นเป็นดอกเบี้ย แต่ก็น่าเชื่อว่าที่โจทก์ซื้อมาด้วยเงินผ่อนในราคา 62,000 บาทนั้นมีดอกเบี้ยรวมอยู่ด้วยจริง เมื่อไม่ได้ความชัดว่าผู้ขายหรือผู้ให้เช่าซื้อได้บวกดอกเบี้ยไว้เป็นจำนวนเท่าใด ศาลฎีกาจึงใช้ดุลพินิจหักเป็นดอกเบี้ยออกให้ตามที่เห็นสมควร โดยหักให้ 10,000 บาท ส่วนค่าเสื่อมราคาของรถคันพิพาทซึ่งจำเลยที่ 2 ขอให้หักออกให้มากขึ้นอีกนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าที่ศาลล่างทั้งสองเห็นว่าโจทก์ได้ใช้รถคันพิพาทมาแล้วประมาณ 7 เดือนจึงหักค่าเสื่อมราคาให้ 7,000 บาท นั้นเป็นการเหมาะสมอยู่แล้ว

พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เฉพาะแต่เรื่องค่าสินไหมทดแทนซึ่งจำเลยที่ 2 ต้องชดใช้ให้โจทก์ เป็นว่าให้ใช้เงินจำนวน 45,000บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยจากเงินจำนวนนี้ในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ

Share