แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครอง และจำเลยบังอาจจำหน่ายเฮโรอีนดังกล่าวให้แก่ผู้มีชื่อโดยมิได้รับอนุญาต เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าร้อยตำรวจโทส.วางแผนให้สิบตำรวจตรีอ. และนายอ. เข้าไปซื้อเฮโรอีนจากจำเลย จำเลยนำเฮโรอีนมาส่งมอบและรับเงินก็เข้าจับกุมจำเลยได้ในทันทีทันใดนั้น จำเลยคงมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2465 มาตรา 20ทวิ ไม่ผิดตามมาตรา 20ตรี ด้วย เพราะเฮโรอีนที่จำเลยมีนั้นจำเลยได้จำหน่ายไปทั้งหมดแล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครอง และจำเลยบังอาจจำหน่ายเฮโรอีนดังกล่าวให้แก่ผู้มีชื่อโดยฝ่าฝืนกฎหมายและมิได้รับอนุญาตขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2465 มาตรา 20 ทวิ,20 ตรี, 28, 29 ริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยกระทำความผิดกฎหมายหลายบท วางโทษฐานจำหน่ายเฮโรอีนมาตรา 20 ทวิ จำคุก 6 ปี ลดโทษหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลย 4 ปี ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า จำเลยกระทำผิด แล้ววินิจฉัยข้อกฎหมายว่าแต่ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียว ผิดกฎหมายหลายบท และปรับบทลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2465 มาตรา 20 ตรี ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ(ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2504 มาตรา 7 มาด้วยนั้น เป็นการไม่ชอบ เพราะเฮโรอีนที่จำเลยมีนั้นจำเลยได้จำหน่ายไปทั้งหมดแล้ว
พิพากษากลับเป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2465 มาตรา 20 ทวิ, 29 พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ(ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2504 มาตรา 6, 12 ส่วนการกำหนดโทษและการลดโทษให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ของกลางให้ริบ